นนทบุรี 14 ก.ย.-รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ยอมรับติดตั้งเครื่องรูดบัตรทันแค่ 2,000 ร้านค้า อีกกว่า 6,000 แห่งน่าจะติดเสร็จอีก 1-2 เดือน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการบัตรสวัสดิการคนจน ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม จะมีร้านธงฟ้าประชารัฐ ประมาณ 2,000 แห่ง ที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีซี เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปใช้ได้ซื้อสินค้า ก่อน ส่วนที่เหลืออีกกว่า 6,000 แห่ง กระทรวงการคลังกรมบัญชีกลาง และธนาคารกรุงไทย จะเร่งดำเนินการติดตั้งให้เร็วที่สุด และจะติดตั้งให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนหลังจากวันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยยอมรับว่าการติดตั้งเครื่องอีดีซีที่ล่าช้านั้น เนื่องจากมีระบบขั้นตอน และเงื่อนไข จึงทำให้การติดตั้งเครื่องในระยะเวลาที่จำกัดอาจติดขัด
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีเครื่องอีดีซีนั้น อาจกระจายไม่ทั่วถึงทุกชุมชน หมู่บ้าน ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจึงเตรียมที่จะจัดทำหน่วยธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ หรือ โมบาย ยูนิต ซึ่งจะนำสินค้าธงฟ้าประชารัฐจำหน่ายบนรถยนต์ ซึ่งจะติดตั้งเครื่องอีดีซีให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้บัตรสวัสดิการรูดซื้อได้ด้วย โดยจะประชุมร่วมกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กว่า 920 อำเภอ ในวันที่ 16 กันยายนนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเชิญชวน และชี้แจง ในการร่วมทำร้านธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ หรือ โมบาย ยูนิต อย่างน้อย อำเภอละ 1 คัน เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าธงฟ้าประชารัฐไปถึงผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการ เข้าถึงสินค้าธงฟ้าประชารัฐให้ครอบคลุมมากที่สุดรวมทั้งจะสรุปจำนวนการทำร้านธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ด้วย
ส่วนรายการสินค้าที่จะจำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐนั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตและจำหน่าย กว่า 50 ราย ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะนำสินค้ามาจำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐรวมกว่า 252 รายการ ใน 3 กลุ่มสินค้าหลัก ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดไว้ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อุปกรณ์และชุดนักเรียน และสินค้าเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และในวันที่ 18 กันยายนนี้ จะลงพื้นที่ไปดูความพร้อมที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ได้แก่ร้านสมิงบ้านไร่ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ทางกระทรวงการคลังนำร่องติดตั้งเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามไม่ให้เกิดการกักตุน สินค้าเหล้าและบุหรี่ หลังจากที่กฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 กันยายนนี้ โดยการอัตราภาษีเหล้าและบุหรี่ใหม่ จะทำให้ราคาจำหน่ายสูงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ค้ามีการกักตุนสินค้าได้ โดยขณะนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ติดตาม และตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากพบมีการกักตุนสินค้าจะดำเนินการตามกฎหมายทันที แม้ว่าสินค้าเหล้าและบุหรี่จะไม่ใช่สินค้าควบคุม แต่การกักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่าย ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ผู้ใดกักตุนสินค้าควบคุม โดยมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนด หรือไม่นำสินค้าควบคุมที่มีไว้ออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ หรือปฏิเสธการจำหน่ายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ในที่ประชุมได้มีการสอบถามในช่วงแรกที่ยังไม่สามารถติดตั้งเครื่องรูดได้ครบตามจำนวน แต่ผู้ถือบัตรรับบัตรมาแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าได้ ตามเกณฑ์ที่ได้ประกาศไว้เงินในบัตรจะถูกตัดไม่ว่าจะเหลือเท่าไหร่หรือไม่ได้ใช้เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าของกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลางจะนำประเด็นดังกล่าวกลับไปการือกับผู้บริหารของกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง และน่าจะประกาศความชัดเจนก่อนบัตรเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้.-สำนักข่าวไทย