ภูมิภาค 24 ส.ค. – เกิดพายุพัดถล่ม จ.นครพนม เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาต้องเฝ้าระวัง เพราะมีน้ำล้นตลิ่งท่วมที่ลุ่มใน จ.นครสวรรค์ ส่วนโบราณสถานใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ต้องดูแลใกล้ชิด
ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น จนเกิดภาวะล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนนับร้อยหลังคาเรือนใน 4 ตำบลของ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ สูง 50 เซนติเมตร ถึง 1.20 เมตร รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ และคาดว่าสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้น เพราะมีปริมาณน้ำเหนือไหลมาสมทบในอีก 2-3 วันนี้
ส่วนที่ จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำเหนือที่้ไหลมาจาก จ.นครสวรรค์ ยังคงเข้าเขื่อนชัยนาทเพิ่มขึ้น ในอัตรา 1,822 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่เขื่อนยังคงอัตราระบายน้ำไว้เท่าเดิม คือ 1,498 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรริมฝั่งแม่น้ำ
อย่างไรก็ตาม พบว่าปริมาณน้ำเจ้าพระยาใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้น ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 30 เซนติเมตร โดยที่วัดไชยวัฒนาราม มีการตั้งบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมยาว 120 เมตร แต่ระดับน้ำเพิ่มสูงจนถึงพื้นบังเกอร์ ต้องสูบน้ำออกเป็นระยะ สำนักงานศิลปากรที่ 3 สั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง
ส่วนที่ จ.นครพนม ต้นไม้ขนาดใหญ่หลายสิบต้น ริมถนนสายท่าอุเทน-ศรีสงคราม เขต อ.เมือง ถูกพายุฝนและลมกระโชกแรงพัดถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมา จนกีดขวางการจราจรทุกช่องทาง แทบมองไม่เห็นพื้นผิวถนน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังและเครื่องจักรจำนวนมากเข้าเคลื่อนย้าย ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้
ขณะที่ บมจ.อสมท ยังเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคอีสาน และรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ผ่านบัญชี “อสมท ช่วยผู้ประสบภัย สานใจประชารัฐ” ธนาคารกรุงไทย สาขาอโศก เลขที่บัญชี 015-0-21738-2 ซึ่งยอดเงินบริจาค ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ (24 ส.ค.) อยู่ที่ 4,652,992.98 บาท. – สำนักข่าวไทย