เรียกร้องแก้ กม.ให้เกิดความเสมอภาค หลากหลายทางเพศ

มสธ.23 ส.ค.-วงเสวนา เสนอแก้ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ความเสมอภาคในการสมรส เหตุรับรองสิทธิเฉพาะหญิงชาย ไม่มีความหลากหลายทางเพศ ผลวิจัยพบคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับศักดิ์ศรีฐานะคู่สมรสเข้าไม่ถึงสิทธิสวัสดิการ-รับมรดก-ทำนิติกรรม-ตัดสินใจรักษาพยาบาล



าขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  (มสธ.) ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย จัดเวทีเสวนา  “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสที่ถูกเลือกปฏิบัติ”


นายชวินโรจน์ ธีรพัชรพร ทนายความและผู้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)และสาขานิติศาสตร์ มสธ. เปิดเผยผลวิจัย “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศ”ว่าจากการเก็บข้อมูลคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ จำนวน22คู่ระหว่างปี 2558-2559 และสรุปผลการวิจัยในเดือน เมษายน ที่ผ่านมา พบว่า คู่รักเหล่านี้ต้องเผชิญสภาพปัญหาการขาดสิทธิด้านต่างๆได้แก่ สิทธิในการตัดสินใจรักษาพยาบาลและจัดการศพเช่น ไม่สามารถเซ็นรับรองการผ่าตัดคู่รักหรือเซ็นจัดการศพให้กับคู่รักที่เสียชีวิตอีกทั้งไม่มีสิทธิต่างๆ เช่น  สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกันและการอุ้มบุญสิทธิในการให้และรับมรดกแม้จะเป็นสิ่งที่หามาร่วมกัน สิทธิในการทำนิติกรรมร่วมกัน  สิทธิในสวัสดิการร่วมกับคู่สมรส  สิทธิในสินสมรสและการอุปการะเลี้ยงดูกัน สิทธิการได้รับศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรส และคู่รักเพศเดียวกันอาจถูกปฏิเสธเมื่อไปแสดงตนขอสิทธิในการสมรส เพราะกฎหมายกำหนดว่าต้องเป็นหญิงและชายเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5มาตรา 1448 การสมรสจะกระทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ17ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้


“ตามกฎหมาย มาตราดังกล่าว มีเงื่อนไขให้สมรสได้เฉพาะชายหญิง ทำให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศไม่สามารถสมรสตามกฎหมาย ส่งผลให้ขาดศักดิ์ศรี สิทธิและหน้าที่ทางกฎหมาย ทั้งตาม ปพพ.และตามกฎหมายอื่นๆ ที่อ้างอิงคำว่า“คู่สมรส สามีภริยา ทายาทโดยธรรม” ขณะที่ในต่างประเทศ มีกฎหมาย2รูปแบบที่รับรองสิทธิในการใช้ชีวิตคู่ คือ  “กฎหมายการจดทะเบียนคู่ชีวิต”ซึ่งให้ศักดิ์ศรี และสิทธิไม่เท่ากับกฎหมายสมรส และ“กฎหมายที่ให้ความเสมอภาคในการสมรส” ซึ่งในต่างประเทศมีกว่า23ประเทศที่ใช้กฎหมายนี้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ฯลฯ ล่าสุด ในไต้หวัน ศาลรัฐธรรมนูญใต้หวันมีคำสั่งให้แก้ไขประมวลแพ่งไต้หวันภายในปี2562 เพื่อให้คนกลุ่มนี้เกิดเสมอภาคในการสมรส ซึ่งหากสำเร็จไต้หวันจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จะได้ใช้กฎหมายนี้ ส่วนประเทศไทยอยู่ระหว่างการเสนอร่างพ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิตโดยกรมคุ้มครองสิทธิฯ แต่ร่างฯนี้ไม่ได้ให้ศักดิ์ศรีสิทธิความเสมอภาค เท่ากับคู่สมรสหญิงชายทั่วไปการออกกฎหมายเฉพาะแยกออกมาจาก ปพพ.เท่ากับเป็นการตีตรา การเลือกปฏิบัติ ซึ่งขัดต่อหลักความเสมอภาค หลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังนั้นผู้วิจัยจึงเสนอให้มีการแก้ไขประมวลฯ แพ่งว่าด้วยการสมรส   และได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัติเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ…เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม” นายชวินโรจน์ กล่าว 

นางสาวสุเพ็ญศรี  พึ่งโคกสูง ผู้จัดการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กล่าวว่า เนื่องจากการสมรสตามกฎหมายไทยใช้สิทธิได้เฉพาะชายหญิง หรือรับรองสิทธิเฉพาะหญิงกับชาย ซึ่งขัดกับหลักการความเสมอภาคห้ามมิให้เลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา27 ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียม สะท้อนจากกรณีของฝรั่งที่จ้างสาวไทยอุ้มบุญจนกลายเป็นข่าวนั้น พบว่า กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหลายคนต้องการมีชีวิตและครอบครัวเหมือนคู่ชายหญิง พวกเขาต้องการที่จะสร้างครอบครัว มีลูก แต่ในกฎหมายของไทยไม่มีการรับรองใดๆเลย แม้บางคู่จะอยู่กินฉันสามี ภรรยา จนตายกันไปข้างหนึ่ง สมบัติที่มีกลับเป็นปัญหาว่าจะตกเป็นของญาติผู้เสียชีวิตหรือไม่ ทั้งๆที่คนทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากิน สร้างสินทรัพย์กันขึ้นมา รวมไปถึงการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม 

“มูลนิธิฯและเครือข่ายที่ทำงานด้านนี้ขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขกฎหมายเพื่อให้กลุ่มหลากหลายทางเพศมีสิทธิเหมือนคนทั่วไป เข้าถึงสิทธิสมรสได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ” นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าว          

ขณะที่นางพัชรี อาระยะกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กล่าวว่า ทางเรากำลังรวบรวมกฎหมายต่างๆทั้งหมดที่ยังเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เพื่อผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาค แต่ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลาในการศึกษา ว่าอันไหนจะมีทิศทางสามารถแก้ไขได้ก่อน คาดว่าในอนาตคผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิที่พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียม เช่น สิทธิสวัสดิการ ทรัพย์สินที่หามาด้วยกัน สามารถแบ่งปันกันได้ และเห็นด้วยหากจะมี พ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิตเกิดขึ้น แต่ต้องครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้คนกลุ่มนี้ หรือผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ สามารถยื่นคำร้องตามสิทธิ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ได้ที่สายด่วน1300 หรือส่งเรื่องร้องทุกข์มาได้ที่กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือและเยียวยา รวมทั้งนำคำร้องที่ยื่นมาเสนอต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ(วลพ.)วินิจฉัยคำร้องที่บุคคลถูกเลือกปฏิบัติ ฯ  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับ มือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ

ตรัง 12 พ.ค.- ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับมือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ขณะที่ญาตินิมนต์พระทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 170 ไร่ จุดเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงและเผานั่งยางผู้จัดการสวน เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องรวม 3 ศพ และจุดพบศพปริศนาถูกเผาและฝังดินอีก 1 ศพ ในพื้นใกล้กัน รวมทั้งหมดเป็น 4 ศพ โดยเป็นการลงพื้นที่ซ้ำ เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะบริเวณขนำจุดยิงผู้ตายทั้ง 3 ราย ก่อนนำไปจุดไฟเผา โดยตำรวจพบหัวกระสุนปืนขนาด 11 มม.เพิ่มเติมอีก 1 หัว แต่ทั้งนี้ พบอุปสรรคสำคัญในการทำงานเก็บพยานหลักฐาน เนื่องจากในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานบางอย่างถูกทำลาย ซึ่งขณะนี้ทำให้ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีการใช้อาวุธปืนหลายขนาด เพราะพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงกระจายกำลังกันลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ อ.สิเกา อ.วังวิเศษ จ.ตรัง และต.ทรายขาว […]

ออกหมายจับ สจ.คนดังพร้อมพวก รุมทำร้าย ตร.คาหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 12 พ.ค.- ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ สจ.คนดัง พร้อมพวกรวม 7 คน หลังก่อเหตุรุมทำร้าย ‘ด.ต.’ คาหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งเอาผิด พวกทำตัวเหนือกฎหมาย จากกรณีสมาชิกสภา อบจ.สงขลา บุตรชาย สส.สงขลา ก่อเหตุสั่งให้ลูกน้อง 6 คน รุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต สังกัด ตชด.43 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาหลัง ส.อบจ.คนดังกล่าว เข้ามาใช้สิทธิที่หน่วย และให้ลูกน้องถ่ายรูป ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด.ต.นิสาธิต จึงได้เข้าไปตักเตือน สร้างความไม่พอใจ ก่อนขับรถออกจากหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นมีกลุ่มชายชกรรจ์ 5-7 คน เข้ามาที่หน่วยเลือกตั้ง และรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต บาดเจ็บ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างว่าลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ล่าสุด ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 […]

เพลิงไหม้มาราธอน โหมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ยังคุมไม่ได้

12 พ.ค.- ยังไม่ดับ! ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถลงไปได้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุดลงพื้นที่ สั่งอพยพชาวบ้านใกล้เคียง เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ยืนยันสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันนี้ เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ลุกโหมมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ ตลอดทั้งคืน ยังมีไฟปะทุออกจากชั้นใต้ดินของโครงสร้างอาคาร     ล่าสุดเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมวิศวกรผู้ เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตำรวจ และทีมกู้ภัย เร่งเข้าตรวจสอบความเสียหายรอบพื้นที่โรงงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยว่า มอบหมายให้ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา(ดร.จอร์น) ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุ ส่วนแนวทางปฏิบัติการ เตรียมใช้โฟมประกอบน้ำ ฉีดเข้าจุดที่ยังคงมีเพลิงปะทุคาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในช่วงเที่ยงวันนี้   ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หน้ากากออกซิเจน […]

กทม.ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง.

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – กทม. ประกาศยุติการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง. ด้านรองผู้ว่าฯ กทม. สั่งลดระดับกองปูนซากตึกข้างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จาก 9 เมตร เหลือ 6 เมตร ป้องกันอันตรายและง่ายต่อการค้นหาหากมีชิ้นส่วนที่เหลือติดค้างอยู่ เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา (12 พ.ค. 68) ที่กองอำนวยกาารร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ ถ.กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม รศ.ทวิดา เปิดเผยว่า วันนี้การค้นหาผู้ติดค้างภายในซากอาคารดังกล่าวยุติทั้งหมดแล้ว และเวลา 17.00 น. วันนี้ ทีมสุนัข K9 จะเข้าสำรวจความชัดเจนบริเวณกองซากวัสดุอาคาร สตง. หลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้เเน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว ส่วนด้านเครื่องจักรในพื้นที่จะยังคงทำงานอยู่ เนื่องจากจะมีการขนซากเศษปูนที่อยู่ตรงโซน A ทั้งหมด ย้ายออกไปหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยในเวลา […]