เรียกร้องแก้ กม.ให้เกิดความเสมอภาค หลากหลายทางเพศ

มสธ.23 ส.ค.-วงเสวนา เสนอแก้ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ความเสมอภาคในการสมรส เหตุรับรองสิทธิเฉพาะหญิงชาย ไม่มีความหลากหลายทางเพศ ผลวิจัยพบคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับศักดิ์ศรีฐานะคู่สมรสเข้าไม่ถึงสิทธิสวัสดิการ-รับมรดก-ทำนิติกรรม-ตัดสินใจรักษาพยาบาล



าขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  (มสธ.) ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย จัดเวทีเสวนา  “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสที่ถูกเลือกปฏิบัติ”


นายชวินโรจน์ ธีรพัชรพร ทนายความและผู้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)และสาขานิติศาสตร์ มสธ. เปิดเผยผลวิจัย “สิทธิความเสมอภาคในการสมรสของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในประเทศ”ว่าจากการเก็บข้อมูลคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ จำนวน22คู่ระหว่างปี 2558-2559 และสรุปผลการวิจัยในเดือน เมษายน ที่ผ่านมา พบว่า คู่รักเหล่านี้ต้องเผชิญสภาพปัญหาการขาดสิทธิด้านต่างๆได้แก่ สิทธิในการตัดสินใจรักษาพยาบาลและจัดการศพเช่น ไม่สามารถเซ็นรับรองการผ่าตัดคู่รักหรือเซ็นจัดการศพให้กับคู่รักที่เสียชีวิตอีกทั้งไม่มีสิทธิต่างๆ เช่น  สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกันและการอุ้มบุญสิทธิในการให้และรับมรดกแม้จะเป็นสิ่งที่หามาร่วมกัน สิทธิในการทำนิติกรรมร่วมกัน  สิทธิในสวัสดิการร่วมกับคู่สมรส  สิทธิในสินสมรสและการอุปการะเลี้ยงดูกัน สิทธิการได้รับศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรส และคู่รักเพศเดียวกันอาจถูกปฏิเสธเมื่อไปแสดงตนขอสิทธิในการสมรส เพราะกฎหมายกำหนดว่าต้องเป็นหญิงและชายเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5มาตรา 1448 การสมรสจะกระทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ17ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้


“ตามกฎหมาย มาตราดังกล่าว มีเงื่อนไขให้สมรสได้เฉพาะชายหญิง ทำให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศไม่สามารถสมรสตามกฎหมาย ส่งผลให้ขาดศักดิ์ศรี สิทธิและหน้าที่ทางกฎหมาย ทั้งตาม ปพพ.และตามกฎหมายอื่นๆ ที่อ้างอิงคำว่า“คู่สมรส สามีภริยา ทายาทโดยธรรม” ขณะที่ในต่างประเทศ มีกฎหมาย2รูปแบบที่รับรองสิทธิในการใช้ชีวิตคู่ คือ  “กฎหมายการจดทะเบียนคู่ชีวิต”ซึ่งให้ศักดิ์ศรี และสิทธิไม่เท่ากับกฎหมายสมรส และ“กฎหมายที่ให้ความเสมอภาคในการสมรส” ซึ่งในต่างประเทศมีกว่า23ประเทศที่ใช้กฎหมายนี้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ฯลฯ ล่าสุด ในไต้หวัน ศาลรัฐธรรมนูญใต้หวันมีคำสั่งให้แก้ไขประมวลแพ่งไต้หวันภายในปี2562 เพื่อให้คนกลุ่มนี้เกิดเสมอภาคในการสมรส ซึ่งหากสำเร็จไต้หวันจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จะได้ใช้กฎหมายนี้ ส่วนประเทศไทยอยู่ระหว่างการเสนอร่างพ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิตโดยกรมคุ้มครองสิทธิฯ แต่ร่างฯนี้ไม่ได้ให้ศักดิ์ศรีสิทธิความเสมอภาค เท่ากับคู่สมรสหญิงชายทั่วไปการออกกฎหมายเฉพาะแยกออกมาจาก ปพพ.เท่ากับเป็นการตีตรา การเลือกปฏิบัติ ซึ่งขัดต่อหลักความเสมอภาค หลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังนั้นผู้วิจัยจึงเสนอให้มีการแก้ไขประมวลฯ แพ่งว่าด้วยการสมรส   และได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัติเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ…เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม” นายชวินโรจน์ กล่าว 

นางสาวสุเพ็ญศรี  พึ่งโคกสูง ผู้จัดการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กล่าวว่า เนื่องจากการสมรสตามกฎหมายไทยใช้สิทธิได้เฉพาะชายหญิง หรือรับรองสิทธิเฉพาะหญิงกับชาย ซึ่งขัดกับหลักการความเสมอภาคห้ามมิให้เลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา27 ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียม สะท้อนจากกรณีของฝรั่งที่จ้างสาวไทยอุ้มบุญจนกลายเป็นข่าวนั้น พบว่า กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหลายคนต้องการมีชีวิตและครอบครัวเหมือนคู่ชายหญิง พวกเขาต้องการที่จะสร้างครอบครัว มีลูก แต่ในกฎหมายของไทยไม่มีการรับรองใดๆเลย แม้บางคู่จะอยู่กินฉันสามี ภรรยา จนตายกันไปข้างหนึ่ง สมบัติที่มีกลับเป็นปัญหาว่าจะตกเป็นของญาติผู้เสียชีวิตหรือไม่ ทั้งๆที่คนทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากิน สร้างสินทรัพย์กันขึ้นมา รวมไปถึงการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม 

“มูลนิธิฯและเครือข่ายที่ทำงานด้านนี้ขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขกฎหมายเพื่อให้กลุ่มหลากหลายทางเพศมีสิทธิเหมือนคนทั่วไป เข้าถึงสิทธิสมรสได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ” นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าว          

ขณะที่นางพัชรี อาระยะกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กล่าวว่า ทางเรากำลังรวบรวมกฎหมายต่างๆทั้งหมดที่ยังเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เพื่อผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาค แต่ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลาในการศึกษา ว่าอันไหนจะมีทิศทางสามารถแก้ไขได้ก่อน คาดว่าในอนาตคผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิที่พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียม เช่น สิทธิสวัสดิการ ทรัพย์สินที่หามาด้วยกัน สามารถแบ่งปันกันได้ และเห็นด้วยหากจะมี พ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิตเกิดขึ้น แต่ต้องครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนให้คนกลุ่มนี้ หรือผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ สามารถยื่นคำร้องตามสิทธิ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ได้ที่สายด่วน1300 หรือส่งเรื่องร้องทุกข์มาได้ที่กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือและเยียวยา รวมทั้งนำคำร้องที่ยื่นมาเสนอต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ(วลพ.)วินิจฉัยคำร้องที่บุคคลถูกเลือกปฏิบัติ ฯ  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย