โฆษก กห.ชี้สังคมไทยเสื่อมโทรมจากปัญหาทุจริต

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – โฆษก กห.ชี้สังคมไทยเสื่อมโทรมจากปัญหาทุจริต แนะช่วยกันต้านนักการเมือง-ข้าราชการขี้โกง พบประชาชนตื่นตัวไม่เอารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น


พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์การสร้างความสามัคคีปรองดอง กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศในเวทีสร้างความสามัคคีปรองดองที่ผ่านมา พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มองความเสื่อมโทรมของสังคมไทยจากปัญหาด้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ถูกปล่อยปละละเลยมานาน จนซึมลึกเสมือนเป็นค่านิยมที่เป็นปกติของสังคม สร้างความเสียหาย กระทบต่อบุคคลและสังคมโดยรวมอย่างหลากหลายซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความอยุติธรรมขึ้นในสังคม โดยเห็นตรงกันว่า ถึงเวลาต้องสร้างความตระหนักตื่นตัวต่อปัญหาและผลกระทบจากการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ร่วมกันเร่งดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและวางแนวทางการป้องกันอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ขยายตัวออกไปสร้างความบั่นทอนกับสังคมในวงกว้าง 

“จึงร่วมกันกำหนดข้อยึดมั่น ปรากฏอยู่ในสัญญาประชาคม ข้อหนึ่งว่า ทุกคนจำเป็นต้องยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรมและศีลธรรมในการดำเนินชีวิต มีความซื่อสัตย์ ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ รวมทั้งร่วมกันตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตในทุกระดับ เพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งปราศจากคอรัปชั่น โดยมีแนวปฏิบัติ ถึงความร่วมมือในการขจัดการทุจริต ฉ้อฉลและอำนาจนอกระบบอย่างเด็ดขาด ที่ต้องร่วมกันส่งเสริมและผลักดันให้มีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส อิสระและเป็นกลางโดยปราศจากการแทรกแซง มีบทลงโทษอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นธรรมให้กับประชาชน ขณะที่ทุกภาคส่วนของสังคม ต้องไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตในทุกรูปแบบ ร่วมกันปลูกฝังและยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรมและศีลธรรม พร้อมทั้งนำหลักธรรมาภิบาลหรือระบบการบริหารจัดการที่ดีมาใช้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันภาคประชาชน ต้องรวมตัวกัน รณรงค์ ติดตาม ตรวจสอบและต่อต้านการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพวกพ้อง รวมทั้งข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ โดยร่วมผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในที่สุด” โฆษก กห.กล่าว


พล.ต.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลสำรวจทัศนคติประชาชนล่าสุด พบว่าความตื่นตัวและความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชั่นของประชาชนมีมากและชัดเจนขึ้น โดยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดกับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น ขณะที่ผลสำรวจโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใส สะท้อนให้เห็นความสอดคล้องกันว่า คนไทยรับรู้และเข้าใจถึงการโกงกินที่กำลังเป็นปัญหาวิกฤติของประเทศ จึงต้องการจะมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่นมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ได้ติดตามและแสดงการสนับสนุนหรือเห็นด้วย กับการดำเนินการและมาตรการของรัฐบาล เพื่อเอาชนะปัญหานี้ไปให้ได้ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่นร่วมกันว่า ความร่วมมือกันแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง จะเป็นทางออกจากความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำทางสังคมร่วมกันในที่สุด ทั้งนี้ หากพบการประพฤติมิชอบขอให้ร่วมกันให้ข้อมูลเบาะแสทันที กับสายด่วน 1299 หรือ ตู้ ปณ.444 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง