สนามหลวง 26 ต.ค.-กองอำนวยการร่วมฯ เตรียมปิดการจราจร 29 ต.ค.นี้ ช่วงแยกหลานหลวงถึงแยกอรุณอมรินทร์ เพื่อรองรับประชาชนที่จะทยอยเข้ามาบริเวณภายในสนามหลวงเป็นจำนวนมาก พร้อมเปิดสายด่วน 1899 รับเรื่องร้องเรียนตลอด 24ชั่วโมง
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมด้วยนายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมร่วมกันที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง เพื่อประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน เตรียมแผนรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รองรับประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมเป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00น.
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้กำชับเรื่องการจราจรบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง โดยวันที่ 29 ตุลาคม จะทดลองปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 07.00 น. ช่วงแยกหลานหลวงถึงแยกอรุณอมรินทร์ เพื่อรองรับประชาชนที่คาดว่าจะทยอยเข้ามาในบริเวณสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ซึ่ง กทม.มีบริการจัดรถรับ-ส่ง โดยใช้ระบบหมุนเวียน มีการเตรียมจุดจอดรถ อาทิ สนามม้านางเลิ้ง และพื้นที่โดยรอบพระบรมมหาราชวัง
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ ยืนยันว่าประชาชนทุกคนต้องมารับบัตรคิวตามลำดับที่จัดเตรียมไว้ ไม่มีบุคคลไหนหรือกลุ่มไหนได้รับสิทธิพิเศษ ทั้งนี้ จำนวนบัตรคิวที่จัดเตรียมไว้ 10,000 ใบ/วัน มีความเหมาะสม เนื่องจากในระหว่างวันยังคงมีพระราชพิธี ประชาชนจึงไม่สามารถเข้าไปบริเวณดังกล่าว แต่หากมีจำนวนประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากอาจพิจารณาเพิ่มจำนวนอีกครั้ง
ขณะนี้เรื่องการแต่งกาย ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนให้แต่งกายถูกต้อง และขั้นตอนในการเข้าถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทั้งนี้ ทางกองอำนวยการร่วมฯ ได้เปิดสายด่วน 1899 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนการประสานงาน ในการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้ตามปกติ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการวางแผนกำหนดจุดเข้า-ออก เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน .-สำนักข่าวไทย