กรุงเทพฯ 11 ส.ค.-หอการค้าไทยจะสรุปผบกระทบน้ำท่วมอีกสานและแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ถูกน้ำท่วมในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้ไป พร้อมแนวทางช่วยเหลือกระจายสินค้าคงคลังที่ค้างอยู่ กระจายออกขายทั่วประเทศ โดยคัดเกรดขายในราคาตามคุณภาพ
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้ไป ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จะสรุปแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการใน 12 จังหวัดภาคอีสาน ที่ประสบปัญหาอุทกภัย พร้อมกับช่วยกระจายสินค้าที่ค้างสต๊อกอยู่ในแต่ละโรงงานที่ผลิตไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ขายถูกน้ำท่วมก่อน นำมาคัดเกรดสินค้าและขายในราคาตามคุณภาพต่อไป โดยจะพิจารณากระจายสินค้าจากกำลังซื้อที่จะรองรับสินค้าเหล่านี้ด้วย โดยพื้นที่กระจายสินค้าจะไม่จำกัดเพียงภาคอีสานเท่านั้น แต่จะพิจารณาพื้นที่รองรับสินคัาที่จะกระจายออกไปทั่วประเทศ ผู้ประกอบการในภาคอีสาน ปัจจุบันผลิตสินค้าหลากหลาย อาทิ สินค้าหัตถกรรม ผ้าไหม และสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เป็นต้น พร้อมกันนี้ สภาหอการค้าฯ จะสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วย
นอกจากนี้ จะหารือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เพื่อหามาตรการหรือแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการด้วย และภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง เชื่อว่า อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการก่อสร้างจะสามารถขายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างได้มากขึ้นเพราะจะมีการซ่อมแซมบ้านเรือนและสิ่งสาธารณูปโภค
นางสาลีนี วังตาล ผู้อำนวยการ สสว. เชื่อว่า ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และในเชื่อว่า จีดีพีของเอสเอ็มอี จะขยายตัวได้ร้อยละ 5 สูงกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ ร้อยละ 3.5 แม้ว่าผู้ประกอบการบางส่วนได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการพัฒนาและปรับตัว พร้อมทั้งหาตลาดส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศมากเพิ่มขึ้นแล้ว สสว.ยังอยู่ระหว่างคัดเลือกเอสเอ็มอี ภาคการผลิตจำนวน 100 ราย เพื่อนำเข้าไปร่วมโครงการเพิ่มศักยภาพ ตามโครงการช่วยเหลือของประเทศเกาหลี ที่ขณะนี้มีการตั้ง Korea desk ในประเทศไทย ที่จะช่วยต่อยอดและเพิ่มศักยภาพการผลิต และจำหน่ายสินค้าต่อไป ซึ่งที่สุดนะจำไปสู่งการจับคู่กับทำธุรกิจกับพันธมิตรเกิดการขยายธุรกิจต่อไป ทั้งนี้ สสว.ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2564 จีดีพีเอสเอ็มอี ไทย จะมีสัดส่วนต่อจีดีพีประเทศ เพิ่มเป็น 50 ในปี 2564 จากปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 40 ของจีดีพีประเทศ
นอกจากนี้ สสว.ยังร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำเอสเอ็มอี 730 ราย เข้าร่วม 3 โครงการคือ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งสำหรัผู้ประกอบการร่นใหม่ โครงการ Innovation Packing for SME และโครงการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อรองรับ AEC -สำนักข่าวไทย