กฎหมายนมผงฉบับใหม่ ห้ามถ่ายภาพโชว์ ปรับเท่าเหล้า

กทม.11 ส.ค.-ในเวทีเสวนาหยุดโฆษณาฆ่าน้ำนมแม่  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ย้ำกฎหมาย นมผงฉบับใหม่ มีบทลงโทษเรื่องการส่งเสริมการตลาดคล้ายเหล้า หากพบถ่ายภาพโชว์ผลิตภัณฑ์   นมผง พร้อมคำโฆษณาในสื่อโซเชียล โดนโทษปรับ 1 แสน เริ่มบังคับใช้   9 ก.ย.นี้ 


นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์  รองอธิบดีกรมอนามัย  กล่าวว่า  ตามที่พ.ร.บ.การควบคุมการส่งเสริมการตลาด อาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560 ที่จะมีผลบังคับใช้ 8 ก.ย.นี้ ว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลทำให้ห้ามการโฆษณาการส่งเสริมการตลาดอาหารทารก และเด็กเล็ก  ห้ามมิให้การลดแลกแจมแถม หรือติดต่อกับแม่มือใหม่ ซึ่งสิ่งมุ่งหวังคือ ต้องการให้เกิดการให้นมแม่ต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรก จากนั้นค่อยส่งเสริมให้รับประทานอาหารเสริมตามวัยควบคู่กับนมแม่ โดยสามารถให้นมแม่ต่อเนื่องได้ถึง 2 ปี 


ทั้งนี้ กฎหมายการควบคุมเรื่องการส่งเสริมการตลาดนมผงนั้น ไม่ได้ไม่จำกัดแค่การโฆษณาตามสื่อ  ยังรวมไปถึงสื่อโซเซียลด้วย โดยมาตรา 14 ระบุห้ามผู้ใดโฆษณาอาหารสำหรับทารก ห้ามผู้โฆษณาอาหารสำหรับเด็กเล็ก โดยใช้ข้อความเกี่ยวกับทารกหรือเด็กเล็กในสื่อโฆษณาที่มีลักษณะเชื่อมโยง หรือทำให้เข้าใจได้ว่า เป็นอาหารสำหรับทารก หรือเหมาะสมสำหรับใช้เลี้ยงทารก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังปฏิบัติไม่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ในกฎหมาย ยังระบุห้ามบริษัทนมผงเป็นผู้สนับสนุนการจัดการประชุมวิชาการและจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด   มิเช่นนั้นจะได้รับโทษปรับ 3 แสนบาท 


นพ.ธงชัย กล่าวว่า จะมีผลให้บุคคลทั่วไปไม่สามารถทำการตลาดหรือร่วมการส่งเสริมการขายได้ เช่น การถ่ายภาพคู่กับผลิตภัณฑ์นมผง โดยจะมาอ้างว่าไม่ตั้งใจไม่ได้ ครอบคลุมเรื่องของการโฆษณาในเฟซบุ๊ค ซึ่งก็ได้รับโทษปรับและดำเนินการคล้ายกับการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  และหลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ 1 ปี ต้องมีการปรับแก้ฉลากของผลิตภัณฑ์นมให้มีความถูกต้อง จำแนกเป็นอาหารสำหรับทารก อาหารสำหรับเด็กเล็ก และอาหารเสริมสำหรับทารก 

ด้าน พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร เลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของไทย พบว่า มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ตลอด 6 เดือน หลังคลอดแค่ร้อยละ 23 ขณะที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ผสมกับน้ำร้อยละ 40 ทั้งนี้หากมีการให้ความรู้อย่างจริงถึงประโยชน์นมแม่ว่าการให้นมแม่สามารถทำได้ต่อ เนื่องและเป็นอาหารหลักอย่างเดียวตลอด 6 เดือนแรก จะช่วยส่งเสริมให้มีการให้นมต่อเนื่อง 

สำหรับวิธีการส่งเสริมการให้นมแม่ต้องเริ่มจาก1.อย่าส่งเสริมการผ่าคลอด เพราะแม่อาจเจ็บแผลและเป็นการแยกแม่แยกลูกออกจากกัน ควรมีการส่งเสริมให้คลอดเอง เนื่องจากช่วยลดโรคและปัญหาน้ำท่วมปอดในเด็ก และในเวลา 1 ชม.หลังคลอดควรให้แม่ได้กอดลูกเอาลูกแนบอกทันที พร้อมให้ลูกดูดนม เพื่อกระตุ้นเต้าและเพื่อให้การให้นมลุกยืนยาว ควรมีระบบที่ปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วย เช่น สายด่วนสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  1415 .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว