สธ.10 ส.ค.- สธ.แจงเหตุแพ้วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในนักเรียนหญิงชั้นป.5 ที่จ.พิษณุโลก มีแค่รายเดียว เป็นหอบหืด ลืมพ่นยา ย้ำวัคซีนมีความปลอดภัย ทั่วโลกฉีดกันมาเป็น 10 ปี ส่วนนักเรียนที่เหลือ มีอาการคล้ายอุปทานหมู่เพราะกังวลการฉีดวัค ซีน
นพ.พรศักดิ์ อยู่เจริญ ผู้อำนวยการกองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีข่าวการพบเด็กนักเรียนหญิงแพ้วัคซีนHPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ว่า เรื่องนี้จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า มีเด็กนักเรียนหญิง 1 รายที่มีอาการแน่นหน้าอก แต่ไม่ได้มาจากการรับวัคซีน คาดว่า มาจากโรคประจำตัว หอบหืด ที่ไม่มีการพ่นยาตอนเช้า จึงเกิดอาการขึ้น ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว และเมื่อเพื่อนนักเรียนคนอื่นเห็นว่าเพื่อนตัวเองเป็นลมหรือมีอาการก็เกิดอาการกลัว หรือมีลักษณะอุปทานหมู่ แต่ก็ไมีมีอาการรุนแรงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามขั้นตอนการรับวัคซีนจะมีการซักถามว่ามีโรคประจำตัวหรือ ไม่ สำหรับการรับวัคซีนHPV มีความรุนแรงหรือผลข้างเคียงน้อย ส่วนใหญ่พบแค่ผลข้างเคียงจากวัคซีน คืออาการปวดแดง ผื่น คัน เท่านั้นและวัคซีนนี้ ไม่เหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่คนแพ้ไข่ไก่อาจแสดงอาการ แต่วัคซีนนี้ ผลิตจากเชื้อของยีสต์และสารเคมี บางชนิด จึงไม่แสดงผลการแพ้
ด้าน ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โอกาสการแพ้วัคซีนชนิดนี้พบน้อยมาก ส่วนใหญ่ มีแค่อาการแพ้แค่ปวด บวมแดง บริเวณรอบฉีดวัคซีน ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยทางราชวิทยาลัยฯ จะติดตามกับทางกรมควบคุมโรคว่า สาเหตุเกิดจากอะไร เพราะองค์การอนามัยโลกให้การรับรองถึงเรื่องความปลอดภัยในการฉีด และต่างประเทศก็ฉีดเป็น10 ปีแล้ว ประเทศไทยแค่เพิ่งเริ่มฉีดเท่านั้น การแพ้ต้องพิจารณาว่าเด็กมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือไม่เพราะการคัดหลักเกณฑ์ในการฉีด ช่วงวัยที่ได้ผลดีที่สุด คือเด็กประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งประเทศไทยมีเด็กกลุ่มนี้ถึง 4 แสนคน ฉีด 1 เข็มและอีก 6เดือนก็ฉีดอีก1 เข็ม เทียบกับวัยอื่นต้องฉีดถึง 3 เข็ม จึงนับว่าได้ผลดีที่สุด การฉีดวัคซีนจะไม่เห็นผลเลยใน 5 แต่อีก20 ปีจะเห็นผลแน่นอน เชื่อว่าจะลดอัตราการตายของหญิงไทยจากมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยปีละ 3,500 คนได้.-สำนักข่าวไทย