นายกฯ กระตุ้นร่วมขับเคลื่อนประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม

กรุงเทพฯ 5 ส.ค.  นายกฯ กระตุ้นภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยร่วมขับเคลื่อนประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม แนะก้าวข้าม Comfort zone เปลี่ยนประเทศไทยให้ก้าวหน้า ชี้ รัฐพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่


พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ต้องการให้มหาวิทยาลัยวิจัยของไทย แสดงตัวออกมาร่วมสร้างชาติ ด้วยการสร้างงานวิจัย ที่ตอบโจทย์ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ส่วนภาคธุรกิจ เอกชน หรือ ภาคอุตสาหกรรม ก็จะต้องลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น และใช้ประโยชน์จากนักวิจัยในมหาวิทยาลัยไปร่วมคิด และปฏิบัติงาน (Talent mobility) ในองค์กร เพื่อต่อยอดสร้างนวัตกรรม ผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ 

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลพยายามอย่างมาก ที่จะผลักดันให้ประเทศก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ด้วยการวางกลไก และออกมาตรการต่างๆ ที่ส่งเสริมการนำงานวิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง เช่น การใช้อำนาจตาม ม.44 ปฏิรูประบบวิจัยของประเทศทั้งระบบ ตั้งสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ให้ประสานสอดคล้องและไม่ซ้ำซ้อนกัน 


พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้  รัฐบาลยังออกมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 300 ให้ผู้ประกอบการ สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปขอยกเว้นภาษีได้สูงสุด 3 เท่าของที่จ่ายจริง การจัดทำบัญชีนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ไทย ให้ภาคเอกชนนำไปใช้ประโยชน์ การส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ โครงการเน็ตประชารัฐ ที่ช่วยสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้กับชุมชน การจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ (Competitiveness Fund) ช่วยสนับสนุนทุนให้ภาคเอกชน กระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เป็นต้น

“นายกฯ ยังมีแนวคิดว่า การพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมากนั้น ทุกภาคส่วนควรใช้โอกาสนี้สร้างการลงทุน โดยเฉพาะด้านการเกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ คอมพิวเตอร์ ที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง อย่างไรก็ตาม การทำงานของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวอาจไม่ประสบความสำเร็จ จึงขอความร่วมมือจากสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัย และภาคธุรกิจเอกชนในการปรับวิธีคิด เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว        .- สำนักข่าวไทย        


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่ม

นายกฯ เผยตำรวจรวมหลักฐานแล้ว ตึก สตง.ถล่ม จ่อหมายจับเร็วๆ นี้

นายกฯ ถก ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ คืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่ม ระบุตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ ย้ำต้องมีผู้รับผิดชอบ กระทุ้งหน่วยงานให้ความร่วมมือส่งข้อมูล-เอกสาร เพื่อหารายละเอียดเอาผิด ย้ำรับไม่ได้สูญเสียหลายชีวิต

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารญาณเลือกตั้ง

ปิดตำนาน “อาฉี เสียงหล่อ” นักแสดงตลกดัง เสียชีวิตในวัย 57

ปิดตำนาน “อาฉี เสียงหล่อ” หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เสียชีวิตในวัย 57 ปี ญาติและทีมงานทำใจไม่ได้ เผยเตรียมกลับมาในแพลตฟอร์มต่างๆ อีกครั้ง แต่มาเสียชีวิตก่อน

ศาลให้ประกัน “เอกราช ช่างเหลา” คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ฐานยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กว่า 1,200 ล้านบาท ก่อนได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาลอุทธรณ์