วัดราชบพิธฯ 3 ส.ค.-หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจคำตัดสินคดีสลายชุมนุมพัธมิตร จะไม่เป็นบรรทัดฐานคดีสลายชุมนุมนปช.ปี 53 ย้ำแต่ละเหตุการณ์มีรายละเอียดแตกต่างกัน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม วอนทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีศาลยกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาจนำไปสู่บรรทัดฐานการพิจารณาคดีการชุมนุมอื่น ๆ โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมในปี 2553 ว่า การชุมนุมแต่ละกรณีมีข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน การมีคำพิพากษาเป็นธรรมดาที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ขอให้เคารพกระบวนการยุติธรรม หากโจทก์อุทธรณ์ต้องดูว่าจะมีผลอย่างไร แต่ละเหตุการณ์มีข้อเท็จจริงกับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
“ปี 2553 สิ่งที่ชัดคือรัฐบาลได้ยื่นให้ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน อีกทั้งการปฏิบัติในปี 2553 รัฐบาลปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น การจะนำส่วนใดของคำพิพากษาไปเทียบเคียง ต้องดูว่าข้อเท็จจริงตรงกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และขอให้ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน การตัดสินคดีวานนี้ (2 ส.ค.) มีทั้งฝ่ายที่พอใจและไม่พอใจ ผมก็เห็นใจผู้ชุมนุม ส่วนการพิพพากษาคดีจำนำข้าววันที่ 25 สิงหาคมนี้ เชื่อว่าจะมีลักษณะเดียวกันคือมีทั้งผู้พอใจและไม่พอใจ แต่ศาลตัดสินบนพื้นฐานข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายอุทธรณ์ได้ ขออย่าเอามวลชน การเมือง ความรุนแรง เข้ามาเกี่ยวข้อง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการกำหนดโทษในกฎหมายพรรคการเมือง ประเด็นไพรมารีโหวต ที่ให้มีบทลงโทษหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ด้วยการจำคุก ว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน หากใครทุจริตต้องรับผิดกับอีกกรณีคือหากพรรคไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายระบุ การลงโทษหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“การจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่การจะบอกให้ประชาชนเพียง 50 คนหรือ100 คนมีส่วนร่วมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองอย่างแท้จริง การเปิดให้มีคนลงคะแนนจุดเดียวในต่างจังหวัดอาจมีคนไปลงคะแนนน้อยถ้าอยากจะทำจริงๆน่าจะให้รัฐบาลหรือกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้จัดและอำนวยความสะดวกให้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
