กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก
เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ แต่จู่ ๆ เป๊ก ผลิตโชค ได้ปรี่เข้ามาหา ตนเองที่พกมีดไว้ป้องกันตัวจึงหยิบมีดออกมาตวัดไปถูกปลายคางของเป๊ก จากนั้นแฟนได้โทรแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ
คดีนี้ พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก คาดว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนจะสอบปากคำ 2 ฝ่ายเพิ่มอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อคืน เป๊ก ผลิตโชค ที่อยู่โรงพยาบาล ขอไม่ให้การใดๆ ส่วนนายชุติเทพ คนก่อเหตุ เบื้องต้นถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ พกพาอาวุธมีดโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ด้านกู้ภัย เล่านาทีเข้าช่วยเป๊กในปั๊ม และเห็นเหตุการณ์ตอนตำรวจเข้าระงับเหตุ โดยเชื่อว่ามือมีดน่าจะทะเลาะกับเป๊กมาก่อน และมาชุลมุนลงมือกันที่ปั๊ม
คนก่อเหตุขอโทษเป๊ก ยืนยันได้ยินเสียงกรี๊ด-คนทะเลาะกัน จึงเข้าช่วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเย็น นายชุติเทพได้เข้ามาให้ปากคำตำรวจ พร้อมแฟน ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟันเป๊ก แต่ทำไปเพราะป้องกันตัวที่เป๊กปรี่เข้ามาต่อยก่อน รวมถึงไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรง แต่เข้าไปยุ่งกับเป๊ก เพราะได้ยินเสียงคนกรีดร้อง และก่อนหน้าเห็นว่ารถของเป๊กที่นั่งมากับผู้จัดการ มีปัญหากับคนขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนนถึงขั้นต้องจอดรถเคลียร์กันในปั๊ม อยากขอโทษเป๊กที่ต้องมาเจ็บตัว ย้ำว่าแค่ป้องกันตัวจริงๆ
เฟซบุ๊ก PeckPalitOfficial ได้อัปเดตอาการของเป๊ก ผลิตโชค บอกว่า แจ้งอัปเดตเบื้องต้น อาการเฮีย ตอนนี้เฮีย ปลอดภัยนะคะ ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ จะรีบอัปเดตให้ทราบอีกครั้ง ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง มา ณ ที่นี้นะคะ” .-สำนักข่าวไทย