นาทีระทึก! กู้ภัยช่วยคนติดโขดหินสันฝายกลางแม่น้ำปิง

กำแพงเพชร 1 ส.ค.-เรือหางยาวล่ม คนงานลอยไปติดสันเขื่อนฝายน้ำล้นกลางแม่น้ำปิง ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก กู้ภัยเข้าช่วยใช้เวลากว่า 3 ชม.


คนงานดูแลบำรุงท่อดูดทรายโป๊ะดูดทราย บริเวณเหนือเขื่อนฝายน้ำล้นโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นเรือหางยาวล่ม คนงาน 5 คนลอยไปติดที่สันเขื่อนฝายน้ำล้น ท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว คนงาน 4 คนได้ลอยไปตามน้ำ เรือปลาของชาวบ้านช่วยกลับเข้าฝั่ง และถูกเจ้าหน้าที่ชลประทานนำตัวส่งโรงพยาบาล ทั้ง 4 คนได้รับบาดเจ็บที่ตามตัว แขนและขา ฟกช้ำ ดำเขียว ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นยังคงติดอยู่ที่โขดหินใต้สันเขื่อนฝายน้ำล้น และขอความช่วยเหลือ ทางเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานส่งน้ำท่อทองแดง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถานและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร ได้นำเรือลงไปช่วย แต่เกิดปัญหาเนื่องจากที่สันเขื่อนฝายน้ำล้นนั้น อยู่กลางแม่น้ำปิงที่มีบริเวณกว้าง และจุดเกิดเหตุอยู่ช่วงกลางสันเขื่อน จึงทำให้การช่วยเหลือกู้ภัยช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เจ้าหน้าที่ได้นำเรือไปเทียบใกล้สันเขื่อนปรากฏว่าน้ำแรงและไหลเชี่ยวจึงได้หย่อนเชือกลงไปช่วยเหลือ ตั้งแต่ช่วงเวลาเกิดเหตุ 08.30 นาทีจนเวลา 11.30 น.การช่วยเหลือก็ยังคงดำเนินต่อไป ยังคงไม่สามารถนำตัวคนงานที่ประสบภัยกลับเข้ามายังฝั่งได้ สภาพของผู้ประสบ กอดอยู่บนโขดหินใต้สันเขื่อนที่มีน้ำไหลมาปะทะกับตัวทำให้ต้องใช้กำลังในการที่จะยึด โขดหินไม่ให้ไหลไปตามกับกระแสน้ำ ซึ่งใต้สันเขื่อนนั้นจะมีโขดหินเป็นหินทิ้งสร้างสันเขื่อนฝายก้อนใหญ่เกรงว่าจะไปกระแทกทำให้ได้รับอันตราย การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่ที่ลงไปช่วยเหลือก็พลัดลอยไปติดโขดหินอีกคน 


การวางแผนช่วยเหลือโดยใช้เชือกจึงล้มเลิกไป เนื่องจากกระแสน้ำปิงไหลแรงเกินกว่าจะพาผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่กลับฝั่งได้ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร จึงต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ และใช้ท่อทุ่นลอย ยาว 50 เมตร จากโป๊ะดูดทราย เคลื่อนย้ายให้ตรงกับผู้ประสบภัย จากนั้นได้ปล่อยลอยโป๊ะ ให้ปลายท่อเข้าใกล้ คว้าต้วผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่กลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยใช้เวลาในการกู้ภัยช่วยคนนานถึง 3 ชั่วโมง และใช้เวลาในการกู้เรือหางยาวกลับคืนมาได้อีก 3 ชั่วโมง รวมเป็น 6 ชั่วโมง


ภายหลังทราบว่าผู้ประสบเหตุรายนี้ชื่อว่า นายรุ่งโรจน์ อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดสุโขทัย คนงานซ่อมบำรุงโป๊ะดูดทราย โครงการชลประทานส่งน้ำท่อทองแดงที่มีหน้าที่ในการขุดหรือดูดทราย ตะกอนดิน ตามโครงการขุดลอกตะกอนทราย ที่ตื้นเขินช่วงบริเวณ ปากทาง คลองส่งน้ำท่อทองแดง ไปหล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย ไม่ให้ตื้นเขิน ระหว่างติดตั้งเพิ่มเติมปลายท่อ เพื่อให้ยาวขึ้น เรือหางยาวที่ลาก ทุ่นท่อได้ลอยไหลไปใกล้สันเขื่อน ก่อนที่จะถูกน้ำดูดไปจนเรือจม ทุ่นลอยกับท่อก็จมหายไป ตนยืนอยู่บนท่อโป๊ะ จึงกระโดดไปช่วยเพื่อนแต่ไม่ทัน ไปติดอยู่กับโขดหิน ส่วนเพื่อนที่ลอยไป 4 คน มีเรือหาปลาชาวบ้านอยู่ใต้สันฝายพอดี จึงถูกช่วยเหลือรอดชีวิตไปได้ ด้านเจ้าหน้าที่พลัดไปติดโขดหินด้วย ชื่อนายเดชาวัฒน์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ EAT ทีมเผชิญสถานการณ์วิกฤติ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร เล่านาทีระทึกว่า เพิ่งเดินทางกลังจากช่วยน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัย ถูกเรียกตัวมาช่วยในเหตุการณ์นี้ เบื้องต้นประเมินสถานการณ์ใช้เชือกขึงเป็นทางยาวจากโป๊ะท่าเรือ  ต้องเจอกับปัญหาหน้างาน น้ำไหลแรงมาก เกินกว่าที่คิดขณะช่วยผู้ประสบภัย จึงพลาดลอยไปติดโขดหิน ห่างจากผู้ประสบภัย ระหว่างนั้นได้ปรึกษาและให้กำลังใจกับผู้ประสบภัย และคิดแก้ไขปัญหา แม้ว่าจะตกใจบ้างแต่ก็มีสติเพราะได้รับการฝึกมา โดยหาที่ยึดบังกระแสน้ำใต้หินเป็นต้น โดยใช้ก้อนหินก้อนใหญ่บังไว้ ทำให้เราไม่ต้องปะทะกับน้ำแรงมาก เพื่อรอการช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป นับว่าโชคดีมีหินก้อนใหญ่ช่วยบังน้ำทำให้ และใช้เชือกช่วยยึดก้อนหินไว้ ไม่ต้องสูญเสียพลังหมดแรงไปก่อน เพราะใต้น้ำมีหินก้อนใหญ่ที่อันตรายมาก ถ้าหลุดลอยไปก็จะกระแทกหินเป็นอันตรายได้

นายวินัย ศรีชมภู เจ้าหน้าที่ประจำเรือดูดทรายกรมชลประทาน เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุคนงานได้ลากทุ่นและท่อเหล็กดูดทราย เพื่อที่จะไปต่อเติมที่ปลายท่อให้ยาวขึ้น แต่ระหว่างทางนั้นกระแสน้ำแรง จึงทำให้เรือล้มจมน้ำ คนงาน 4 คนไปชาวบ้านช่วยไว้ได้ เหลือเพียง 1 คน คือนายรุ่งโรจน์ ติดอยู่กับโขดหินฝ่ายน้ำล้น และเจ้าหน้าที่มาช่วยไว้ได้ในที่สุด.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย