ป.ป.ช. 21 ก.ค.-ประธาน ป.ป.ช.เปิดเวทีสัมมนาสาธารณะรับฟังความคิดเห็นการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง ระบุต้องใช้ความร่วมมือทุกภาคส่วนจัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันการทุจริต
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวเปิดงานสัมมนาสาธารณะรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “ยุทธศาสตร์การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตในยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ของนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.รุ่นที่ 8) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตชาติ (ป.ป.ช.) ที่มุ่งหวังในการขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนร่วมในการป้องปรามการทุจริต
โดย พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยพยายามผลักดันเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งสิ่งสำคัญของการอบรมเพื่อแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะลำพังเพียงแค่ ป.ป.ช.นั้นไม่สามารถที่จะทำให้การป้องกันและปราบปราการทุจริตให้สัมฤทธิ์ผลได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งเวทีสัมนาสาธารณะครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้การทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.จะนำผลการสัมมนาครั้งนี้มาปรับใช้เพื่อให้การขับเคลื่อนงานมีประสิทธิภาพตามที่ประชาชนคาดหวัง
จากนั้น พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร แสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” ว่า วันนี้สังคมไทยมีการพัฒนาทั้งการเรียนการศึกษา เศรษฐกิจสังคมดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมยกตัวอย่างคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าการทำดีหรือไม่ดีอยู่ที่ใจ วันนี้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตต้องยกจิตให้สูงขึ้น ถ้าทุกคนมีจิตใจที่สูงขึ้น ประเสริฐขึ้น จะเป็นพลังสำคัญต่อส่วนรวม เพื่อให้เป็นสังคมที่ดีต่อไปได้ ซึ่งสิ่งสำคัญของหลักธรรมที่พระพุทธเจ้ามอบให้ที่เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือไม่สุดโต่งเกินไป และไม่หย่อนยานเกินไป เสมือนกับพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานในเรื่องของความพอเพียงเพื่อให้ทุกฝ่ายนำมาปฏิบัติ
ด้าน น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบูรณ์ ประธาน นยปส.รุ่นที่ 8 กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและร่วมกันดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีสำนักงาน ป.ป.ช.เป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ การมีส่วนร่วมเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 มีการกำหนดเรื่อง “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” ผ่านยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ทั้งในเรื่องการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และการยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย เป็นต้น
นอกจากนี้ เวทีการสัมมนาดังกล่าว ยังมีการแบ่งกลุ่มย่อยในการรับฟังความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเสริมสร้างสังคมปกป้องคนสุจริต การปลุกพลังคนรุ่นใหม่ใส่ใจต้านทุจริต และการส่งเสริมวัฒนธรรมโปร่งใสและพอเพียงในองค์กรเอกชน.-สำนักข่าวไทย