กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – บล.ไทยพาณิชย์มองหุ้นไทยปลายปียังสดใส คงเป้าหมาย 1,700 จุด คาดกำไร บจ.โตร้อยละ 7-10 ตามการเติบโตเศรษฐกิจไทย
นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 จะปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ โดยมองเป้าหมายดัชนีที่ 1,650 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็น 1,700 จุดในช่วงสิ้นปี ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียน คาดว่าโตร้อยละ 7-10 ตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4-5.5 มาจากการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาครัฐ การส่งออก แต่ยังห่วงการลงทุนภาคเอกชนที่ยังฟื้นตัวช้า ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าเดือนธันวาคมนี้เฟดจะปรับขึ้น 1 ครั้ง และปรับดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปี 2561 รวมทั้งการปรับลดงบดุลของเฟดเดือนกันยายน ซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่า เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลออกจากตลาดเกิดใหม่กลับไปสหรัฐอเมริกา ทำให้เงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงในช่วงปลายปี
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีราคาถูก มีปัจจัยสนับสนุนให้กำไรเติบโต โดยมอง 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มการแพทย์ พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่เชื่อว่าเงินปันผลจะปรับตัวดีขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดี บมจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) มีแนวโน้มดีขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราเหมาจ่ายรายหัวในระบบประกันสังคม บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC ) ราคาหุ้นปรับลงมามากถึงร้อยละ 11 ราคาต่ำกว่าหุ้นโรงกลั่นอื่น ๆ บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ ( KCE) ราคาหุ้นยังถูกและกำไรมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในครึ่งหลังของปี จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมรถยนต์และต้นทุนทองแดงที่ดีขึ้น บมจ. ปตท. (PTT) ราคาหุ้นปรับลดลงมาแล้วร้อยละ 10 จากราคาสูงสุดเมื่อเดือนมกราคม 2560 เป็นโอกาสการลงทุน เนื่องจาก บมจ. ปตท.ทำธุรกิจแบบครบวงจร และ บมจ.เอสวีไอ (SVI) คาดว่าราคาจะเติบโตครึ่งปีหลังและได้ผลบวกจากการควบรวมกิจการ หลังเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ในยุโรป.- สำนักข่าวไทย