30 ต.ค. – หลายจังหวัดจัดกิจกรรมด้วยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่สนามบ้านปางสา หมู่ 17 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่จัน นำพสกนิกรชาวไทยภูเขาทุกชนเผ่าของบ้านปางสา และที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำจัน ตำบลป่าตึง ร่วมพิธีถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าและชาวไทยภูเขาในถิ่นทุรกันดารตลอดมา พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกร เฉพาะที่บ้านปางสา ตำบลป่าตึง ถึง 3 ครั้ง คือเมื่อ พ.ศ.2522 พ.ศ.2523 และ 2524 ซึ่งนายอำเภอแม่จัน ได้นำชาวไทยภูเขาทั้งหมดกล่าวถวายความอาลัย และถวายสัตย์ปฎิญาณตน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยืนสงบนิ่งหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ 9 นาที เพื่อตั้งจิตอธิษฐานจิต ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ส่วนที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย 750 ปี ทหาร ตำรวจ สมาชิกชมรมคนรักษ์รถและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าในจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแปรอักษรเป็นเลข 9ไทยในหัวใจ ซึ่งรูปหัวใจได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดต่อเรียงกัน เพื่อถวายความอาลัย เบื้องหน้าหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายบุญเวทย์ ศรีพวงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำกล่าวอาลัย และยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที และก้มกราบ ก่อนจะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงความอาลัยและเป็นการแสดงออกถึงความจงรักรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
ที่ศาลาการเปรียญวัดโพธิบัลลังก์ ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พุทธศาสนิกชนอำเภอลับแล บรรจงเขียนข้อความลงบนแผ่นไม้ไผ่ ที่เหลาเป็นแผ่นบาง ๆ และอีกหนึ่งด้าน เป็นชื่อ-สกุล ของประชาชน “แผ่นไม้ไผ่” นี้ชาวลับแลเรียกว่า “ไม้ทาน” เพื่อนำเข้าร่วมพิธีสืบชะตาแบบล้านนาของชาวลับแล ที่สืบทอดกันมานานกว่า 100 ปี โดยปีนี้จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพรราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวอำเภอลับแล และให้ความช่วยเหลือ ครั้นเกิดอุทกภัยดินโคลนถล่ม ปี 2549 โดยมีพระปลัดทิน อินทโชโต เจ้าอาวาสวัดโพธิบัลลังก์ สวดพุทธมนต์สืบชะตาแบบล้านนา ด้วยการใช้ไม้ค้ำมงคลประกอบเป็นซุ้ม กระโจม 3 เหลี่ยม มีเทียนสืบชะตาตั้งอยู่บนโอ่งน้ำมนต์ และขันน้ำมนต์ โยงด้ายสายสิญจน์ ครอบคลุมพื้นที่บนศาลาการเปรียญและให้ชาวบ้านที่มาร่วมงานได้นำไปคล้องใส่ศีรษะ เพื่อความเป็นสิริมงคล เสร็จสิ้นพิธีสืบชะตาแล้ว ประชาชนที่เข้าร่วมงานจะนำ “ไม้ทาน” ที่ประกอบพิธีแล้ว ตั้งจิตอธิษฐานถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ป้ายจอดรถตู้ประจำทางขาเข้ากรุงเทพมหานคร ถนนสายเอเชีย นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานปล่อยขบวนรถตู้โดยสารกรุงเทพฯ -อยุธยา และอยุธยา-กรุงเทพฯ จำนวน 70 คัน นำประชาชน 800 คน ร่วมเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมหาราชวัง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรถปรับอากาศ 2 ชั้น ที่จุดบริการบริเวณโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ช่วงเวลานี้หลายคนตั้งใจทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เช่นที่จังหวัดระยอง ผู้ประกอบการรถโดยสารสองแถวรับจ้าง สายอัสสัม-ระยอง ได้พร้อมใจกันทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการนำรถโดยสารสองแถว ประจำสาย จำนวน 42 คัน ออกมาวิ่งให้บริการฟรีแก่ผู้โดยสารตลอดทั้งวัน พร้อมกันนี้ยังได้จัดอาหารเครื่องดื่มเลี้ยงฟรีแก่ผู้โดยสารและประชาชนทั่วไปด้วย
ที่อ่างทอง แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ทำอาหาร เปิดให้รับประทานฟรี แม่ค้าคนนี้ชื่อ นางทัศนีย์ นาคนิม อายุ 48 ปี ร้านอยู่ที่ อ.เมือง อ่างทอง มีประชาชนมานั่งรับประทานอาหารจำนวนมาก อาหารที่แจกให้ฟรีนั้นมีหลายอย่าง เช่น ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ขนมจีบ ของหวาน น้ำดื่ม นางทัศนีย์ กล่าวว่า หลังทราบว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ตนและคนในครอบครัวต่างเศร้าโศกเสียใจมาก เมื่อครบ 15 วัน ที่พระองค์ทรงเสด็จสวรรคต จึงร่วมกับพี่น้อง 10 คน รวบรวมเงินกันเพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนรับประทานฟรี โดยเริ่มเปิดตั้งแต่ 10.00 น. ไปจนกว่าของในร้านจะหมด ตั้งใจทำเพื่อทำดีถวายเป็นพระราชกุศล
ส่วนนายจรูญ ไชยคง อายุ 52 ปี อาชีพช่างซ่อมเรือประมง ร่วมกับนายกุศล แก้วเขียว อายุ 36 ปี นำรถสามล้อเครื่องติดหลังคาประดับตกแต่ง ด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ และเครื่องเสียง เปิดเพลงพระราชนิพนธ์ เดินทางจาก อ.ละแม จังหวัดชุมพร มุ่งหน้าสนามหลวงเพื่อไปถวายความอาลัย โดยติดเครื่องเสียงเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ตลอดเส้นทาง 600 กิโมแมตร เพื่อเป็นการประกาศถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน และเมื่อไปถึงสนามหลวง ก็ตั้งใจจะสมัครเป็นจิตอาสา. -สำนักข่าวไทย