อุดม มั่นใจ สนช.ไม่คว่ำร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง

รัฐสภา 12 ก.ค.- “อุดม” เผยกรธ.เสนอปรับแก้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่านสนช. เพื่อให้ระบบไพรมารี่โหวตเดินหน้าได้ในทางปฏิบัติ มั่นใจร่างไม่ถูกคว่ำ


นายอุดม รัฐอมฤติ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เปิดเผยถึงข้อเสนอปรับแก้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ผ่านความเห็นชอบของสนช.แล้ว ว่า กรธ.ได้ทำความเห็นแย้งเพื่อให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมมาพิจารณาร่วมกัน ซึ่งจะมีการประชุมและพิจารณาตั้งกมธ.ร่วมในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ตนจะเป็นตัวแทนกรธ.ไปชี้แจง ว่าประเด็นที่ปรับแก้นั้น ยังคงหลักการไพรมารี่โหวต แต่ปรับเพื่อให้สมบูรณ์และเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ รวมทั้งปิดช่องโหว่ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามด้วย ดังนั้นเชื่อว่า สนช.เข้าใจ และคิดว่าเมื่อตั้งคณะกรรมาธิการร่วมและปรับแก้แล้ว ร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้คงไม่ถูกคว่ำ และเชื่อว่าพรรคการเมืองสามารถปรับตัวได้ทัน เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองกับกกต.จะออกมาก่อน เพื่อให้ปรับตัว

“เราคิดว่าเราไม่ได้เห็นแตกต่างจาก สนช.เรื่องไพรมารี่โหวต เพียงแต่ว่าเรากังวลใจว่าการใช้ระบบนี้จะสอดคล้องกับการเมืองในปัจจุบันไหม จะก่อให้เกิดปัญหาที่คิดว่าจะเกิดความไม่เรียบร้อย หรือความวุ่นวายในระบบพรรคการเมือง บางพรรคก็สื่อสารมากับเราว่าอาจจะทำให้พรรคการเมืองแตกแยกกันภายในเพราะต้องแข่งขันกันในพรรค แต่แน่นอนเมื่อสนช.เห็นชอบ เราก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน เพียงแต่ทำให้ระบบพรรคเดินไปได้ เราไม่ได้โต้แย้งเรื่องไพรมารี่โหวต เพียงแต่พยายามทำให้ระบบนี้สมบูรณ์ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองใด ๆ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหา”นายอุดม กล่าว


สำหรับสาระที่เสนอปรับเปลี่ยนนั้น นายอุดม กล่าวว่า กรธ.เสนอให้พรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครในจังหวัดใดก็ตาม จะต้องมีสาขาพรรคในจังหวัดนั้น และต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 100 คน แต่ไม่จำเป็นต้องมีทุกเขตในจังหวัด ก็สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทุกเขต และในกรณีที่สมาชิกพรรคส่งรายชื่อผู้ที่เหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งไปให้กรรมการสรรหาและกรรมการบริหารพรรค เลือกให้เหลือ 1 คนเพื่อส่งสมัครรับเลือกตั้งนั้น หากจะไม่เห็นด้วยกับทั้ง 2 รายชื่อ และจะสรรหาใหม่ จะต้องใช้เสียงในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของที่ประชุมกรรมการสรรหากับกรรมการบริหารพรรค

นายอุดม กล่าวว่า ไม่บังคับว่าหัวหน้าพรรคจะต้องลงสมัครในอันดับหนึ่งของส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะเกรงว่าจะเป็นการตัดสิทธิ์การลงสมัครส.ส.เขต นอกจากนี้ยังได้เสนอเพิ่มโทษกรณีที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั้น ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนไพรมารี่ หรือไม่ได้ทำจริง จะต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และเพื่อไม่ให้กรณีดังกล่าวมีปัญหาต่อการเลือกตั้ง ทางกรธ.จึงกำหนดว่าหากพบว่าพรรคการเมือง ไม่ทำตามร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้ ก็ให้กกต. หรือสมาชิกพรรคการเมืองที่เป็นผู้เสียหาย แจ้งความดำเนินคดีอาญา โดยที่การเลือกตั้งยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากศาลตัดสินว่าทำผิด  บุคคลนั้นก็จะขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.ไปโดยปริยาย.-สำนักข่าวไทย               


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว