นายกฯมอบนโยบายปฏิรูปตำรวจแก้ปํญหาโยกย้ายซื้อขายตำแหน่ง

ทำเนียบรัฐบาล 7 ก.ค.-พล.อ.บุญสร้าง ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) มั่นใจปฏิรูปสำเร็จแต่จะทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้ ประกาศยึดหลักสายกลางไม่สุดโต่ง ย้ำ ต้องทำให้การซื้อขายตำแหน่งหมดไป


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงภายหลังการประชุม ร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อรับมอบนโยบาย ว่า การประชุมวันนี้ (7ก.ค.) นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกคนทำงานเต็มที่ ซึ่งในระยะเร่งด่วนขอให้กำหนดเรื่องการบริหารงานบุคคลให้เสร็จตามแผนที่ได้กำหนดไว้ภายในสิ้นปีนี้ เน้นแก้ปัญหาการโยกย้ายตำรวจซื้อขายตำแหน่ง ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจนัดแรก เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการคณะทำงานเพื่อกำหนดเป้าหมายในการทำงาน นำผลการศึกษาจากในอดีตมาหาข้อสรุป โดยสัปดาห์หน้าจะประชุมหนึ่งครั้งแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นการประชุมสัปดาห์ละสองครั้ง สำหรับสถานที่ในการจัดการประชุมจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทั้งทำเนียบรัฐบาล กองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติและ วปอ.


ส่วนเรื่องการแยกงาน สอบสวนออกจากตำรวจ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่าจะต้องมีการคิดต่อและหาคำตอบให้ได้โดยเร็วรวมถึงการกระจายอำนาจ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากพื้นที่ต่างจังหวัด ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องรวมศูนย์ในกรุงเทพมหานครอย่างเดียว เมื่อถามว่าการมาทำหน้าที่ประธานในครั้งนี้คาดหวังการปฏิรูปตำรวจออกมาในรูปแบบใด และการวิจารณ์ ว่าภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วมจะแก้ไขอย่างไร พล.อ.บุญสร้างระบุว่าเป็นหน้าที่ในการทำงาน  และต้องเป็นไปตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย ทุกอย่างที่ทำจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็ทำเพื่อประชาชน รวมถึงจะมีการประเมินผลการทำงานมีอะไรที่ต้องปรับแก้ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด

“สิ่งแรกที่จะเร่งดำเนินการคืองานบริหารบุคคลที่จะต้องให้การแต่งตั้งโยกย้ายที่มีการซื้อขายตำแหน่งต้องหมดไป การทำงานจะยึดหลักสายกลางเพราะหากทำสุดโต่งก็จะหาข้อสรุปได้ยาก ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียแต่สิ่งสำคัญ ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดต้องตกอยู่ที่ประชาชน  นอกจากนี้จะยึดหลักปรัชญาพอเพียงหลีกเลี่ยงความสุดโต่ง ซึ่งการปฏิรูปตำรวจอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจแต่จะต้องทำด้วยความปรารถนาดีหวังดีเน้นทางสายกลาง” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวทิ้งท้าย ว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจทุกคนมีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นในการทำงานจึงขอฝากความรักความหวังดีของคณะกรรมการทุกคนสู่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความร่วมมือกับการทำงานด้วย


พล.อ.บุญสร้าง ยังกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ว่า สืบเนื่องจากตนเองได้เกษียณอายุราชการมาแล้ว และเมื่อมีเรื่องใดที่ทำเพื่อส่วนรวมได้ ก็ไม่ควรจะปฏิเสธ และมองว่าที่เลือกตนเพราะคงไม่มีใคร แต่หากมีคนอื่นที่ดีกว่าก็ยินดีเช่นกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขใดๆ กับตน

เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจครั้งนี้สังคมคาดหวังค่อนข้างมาก ในฐานะประธานจะให้ความเชื่อมั่นอย่างไรว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขั้นตอนเรื่องปฎิรูปนี้ต้องทำให้สำเร็จ เพราะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าต้องเสร็จเมื่อใด แต่ในความเป็นจริงจะสำเร็จหรือไม่นั้น หากตอบว่าสำเร็จ คงมองว่าชั้นเลิศ แต่จะให้พอใจทุกคนมันคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราจะต้องทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนเชื่อมั่นเมื่อดูตัวคณะกรรมการแล้ว ที่ตั้งมาคนดีๆ ทั้งนั้น เป็นคนที่ให้ความร่วมมือ และไม่ใช่คนที่มีความคิดสุดโต่ง เชื่อมั่นว่าจะทำได้

เมื่อถามว่า ครั้งนี้จะพลิกโฉมวงการตำรวจได้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตำรวจมีคนดีๆ หลายคน ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องดีขึ้น  เมื่อถามว่า รูปแบบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจะยึดแบบกองทัพหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คงไม่มีอะไรตายตัวขนาดนั้น ขอให้คณะกรรมการช่วยกันคิด

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสัดส่วนของตำรวจในคณะกรรมการชุดนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการผ่าตัดโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ลงเอยมันคงน้อยมากสำหรับโอกาสที่จะโหวตด้วยวิธีการยกมือว่าของใครมากกว่ากัน เราคงไม่ทำงานด้วยการเอาชนะ แต่จะทำงานด้วยการชวนกันให้ลงความเห็น ใช้เหตุผล ดังนั้น จะไม่ค่อยมีปัญหา มันไม่ใช่สภา อย่างกองทัพเราทำงานด้วยการช่วยๆ กันคิด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีโมเดลตำรวจของประเทศใดในใจบ้าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เรื่องตำรวจเขามีการศึกษาและจัดทำไว้มากมาย หลังจากนี้จะได้มีการสรุปให้ทุกคนรับฟัง และวันนี้มีคนหนึ่งที่รู้เรื่องตำรวจดีบอกว่าไม่มีองค์กรไหนในประเทศไทยที่มีการศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างจนมีข้อมูลมากที่สุดเท่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงสร้างของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดนี้ ว่า เมื่อมีการประกาศแต่งตั้ง ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีตำรวจเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ จำนวนมาก ซึ่งต้องชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว ว่าต้องมีตำรวจเท่ากับผู้ที่ไม่เป็นตำรวจ ดังนั้นจึงมีตำรวจ 15 คน พลเรือน 15 คนเท่ากัน และคนที่เป็นประธาน ต้องเป็นคนเข้าใจงานของตำรวจ เข้าใจเกี่ยวกับการจัดระเบียบองค์กรและความมั่นคง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ทาบทามไปหลายคน ทั้งคนที่เป็นที่รู้จักในสังคม แต่บางท่านก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงไม่สะดวกที่จะเข้ามาทำหน้าที่  สุดท้ายได้ พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ มาเป็นประธาน ซึ่งพลเอกบุญสร้างเป็นทหาร แต่ก็เกษียณมา 10 ปีแล้ว และมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ดี  ส่วนกรรมการอีก 5 คน เป็นโดยตำแหน่ง คือปลัดกระกรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย  อัยการสูงสุด และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ดังนั้น ขอกรุณาอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดความร้าวฉาน ว่าเอาทหารมาปฏิรูปตำรวจ และประธานก็เป็นทหารที่เกษียณมา 10 ปี และมีกรรมการที่ไม่ใช่ทหารอีกจำนวนมาก เป็นทั้งอาจารย์ นักวิชาการ และอธิการบดี 

นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ ในวันพุธที่ 12 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพไทย และจะประชุมสัปดาห์ละ 1-2 วัน โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนสถานที่กันไป ทั้งสำนักงานตำรวจะแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมการนี้จะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้น โดยจะหารือกันในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีกี่ชุดและมีใครบ้าง รวมถึงต้องมีอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น โดยให้เชิญ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกคน มารับฟังความคิดเห็น รวมถึงประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ ด้วย

นายวิษณุ กล่าวว่า ตำแหน่งเลขานุการ ของคณะกรรมการฯชุดนี้ ได้เสนอให้ พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ ส่วนผู้ช่วยเลขานุการ ให้มาจากตำรวจฝ่ายหนึ่ง และไม่ใช่ตำรวจฝ่ายหนึ่ง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำหน้าที่โฆษกคณะกรรมการฯ

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการทำวิจัยเรื่องปฏิรูปตำรวจกันมาหลายครั้งจากหลายหน่วยงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้รวบรวมจากทุกฉบับ ทำเป็นหัวข้อ แจกให้คณะกรรมการฯศึกษาเพื่อประกอบการพิจารณา

” นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในประเด็นใหญ่ 3 ข้อ คือ 1.ประเด็นเกี่ยวกับองค์กร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าควรสังกัดอยู่ที่ใด เช่น อยู่เช่นเดิม หรือกลับไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย  หรือสังกัดกระทรวงยุติธรรม  จังหวัด ท้องถิ่น หรือ ตั้งกระทรวง  ทบวง และโครงสร้างที่มีอยู่ ควรจะกระจายอย่างไร ไม่ควรกระจุก เช่น ตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ ตลอดจนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ไปดูว่าควรย้ายไปที่ไหนหรือไม่ 

2.กระบวนการยุติธรรม ต้องพิจารณาอำนาจการสอบสวน ว่าจะคงอยู่อย่างเดิม หรือแยกอย่างไร จะรวมถึงจะทำงานหรือประสานกันอย่างไร ระหว่างมหาดไทย อัยการ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ  และ3.การบริหารงานบุคคล หมายถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย คัดคนเข้ามาเป็นตำรวจ จะใช้ระบบอะไร หลักสูตรโรงเรียนนายร้อยตำรวจเหมาะสม ทันสมัยหรือไม่ การเลื่อน ลด ปลด ย้าย วินัย การมีเครื่องแบบหรือไม่มี การโอนย้ายตำรวจไปกระทรวงอื่น เทียบตำแหน่งอย่างไร รวมถึงการจัดกำลังเสริมการทำงาน การซื้ออาวุธ รวมถึงในแง่นิติวิทยาศาสตร์ ที่เป็นการเสริมการทำงานของตำรวจ จะทำอย่างไรให้ทำงานร่วมงานได้กับหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทั้งหมด นายกฯได้เสนอแนะ  จะทำตามหรือไม่ก็ได้ และนายกฯ ได้เขียนด้วยลายมือ 13 หน้า และอธิบายให้ฟัง รวมถึงให้โจทย์ไปดูด้วยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายจะใช้อาวุโสล้วน หรือ อาวุโส ผสมกับคุณงามความดีความชอบ แบ่งสัดส่วนอย่างไร ซึ่งในเรื่องอื่นช้าได้ เรื่องนี้ต้องทำก่อน และต้องเสร็จภายในปีนี้ ” นายวิษณุ กล่าว 

นายวิษณุ กล่าวว่า ระยะเวลาการทำงาน รวมทั้งหมด 9 เดือน แบ่งเป็น 2 เดือนคุยปัญหา / 3 เดือน ยกร่างกฎหมายและกำหนดกฎเกณฑ์ / 4 เดือนรับฟังความคิดเห็น แต่งเติมส่วนบกพร่อง รวมเป็น 9 เดือน ซึ่งครบอายุของคณะกรรมการชุดนี้

นายวิษณุ กล่าวว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ และเห็นพ้องกับข้อเสนอต่างๆ พร้อมระบุว่า ทุกคนรู้ว่ามีโจทย์อะไรบ้าง แต่สิ่งที่คนทั้งประเทศรอคือ คำตอบ ซึ่งเป็นสิ่งทีคณะกรรมการจะไปดำเนินการ และหากมีความจำเป็นต้องใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ก็พร้อมจะดำเนินการ.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]