นายกฯมอบนโยบายปฏิรูปตำรวจแก้ปํญหาโยกย้ายซื้อขายตำแหน่ง

ทำเนียบรัฐบาล 7 ก.ค.-พล.อ.บุญสร้าง ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) มั่นใจปฏิรูปสำเร็จแต่จะทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้ ประกาศยึดหลักสายกลางไม่สุดโต่ง ย้ำ ต้องทำให้การซื้อขายตำแหน่งหมดไป


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงภายหลังการประชุม ร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อรับมอบนโยบาย ว่า การประชุมวันนี้ (7ก.ค.) นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกคนทำงานเต็มที่ ซึ่งในระยะเร่งด่วนขอให้กำหนดเรื่องการบริหารงานบุคคลให้เสร็จตามแผนที่ได้กำหนดไว้ภายในสิ้นปีนี้ เน้นแก้ปัญหาการโยกย้ายตำรวจซื้อขายตำแหน่ง ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจนัดแรก เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการคณะทำงานเพื่อกำหนดเป้าหมายในการทำงาน นำผลการศึกษาจากในอดีตมาหาข้อสรุป โดยสัปดาห์หน้าจะประชุมหนึ่งครั้งแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นการประชุมสัปดาห์ละสองครั้ง สำหรับสถานที่ในการจัดการประชุมจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทั้งทำเนียบรัฐบาล กองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติและ วปอ.


ส่วนเรื่องการแยกงาน สอบสวนออกจากตำรวจ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่าจะต้องมีการคิดต่อและหาคำตอบให้ได้โดยเร็วรวมถึงการกระจายอำนาจ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากพื้นที่ต่างจังหวัด ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องรวมศูนย์ในกรุงเทพมหานครอย่างเดียว เมื่อถามว่าการมาทำหน้าที่ประธานในครั้งนี้คาดหวังการปฏิรูปตำรวจออกมาในรูปแบบใด และการวิจารณ์ ว่าภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วมจะแก้ไขอย่างไร พล.อ.บุญสร้างระบุว่าเป็นหน้าที่ในการทำงาน  และต้องเป็นไปตามคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย ทุกอย่างที่ทำจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็ทำเพื่อประชาชน รวมถึงจะมีการประเมินผลการทำงานมีอะไรที่ต้องปรับแก้ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด

“สิ่งแรกที่จะเร่งดำเนินการคืองานบริหารบุคคลที่จะต้องให้การแต่งตั้งโยกย้ายที่มีการซื้อขายตำแหน่งต้องหมดไป การทำงานจะยึดหลักสายกลางเพราะหากทำสุดโต่งก็จะหาข้อสรุปได้ยาก ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียแต่สิ่งสำคัญ ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดต้องตกอยู่ที่ประชาชน  นอกจากนี้จะยึดหลักปรัชญาพอเพียงหลีกเลี่ยงความสุดโต่ง ซึ่งการปฏิรูปตำรวจอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจแต่จะต้องทำด้วยความปรารถนาดีหวังดีเน้นทางสายกลาง” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวทิ้งท้าย ว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจทุกคนมีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นในการทำงานจึงขอฝากความรักความหวังดีของคณะกรรมการทุกคนสู่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความร่วมมือกับการทำงานด้วย


พล.อ.บุญสร้าง ยังกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ว่า สืบเนื่องจากตนเองได้เกษียณอายุราชการมาแล้ว และเมื่อมีเรื่องใดที่ทำเพื่อส่วนรวมได้ ก็ไม่ควรจะปฏิเสธ และมองว่าที่เลือกตนเพราะคงไม่มีใคร แต่หากมีคนอื่นที่ดีกว่าก็ยินดีเช่นกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขใดๆ กับตน

เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจครั้งนี้สังคมคาดหวังค่อนข้างมาก ในฐานะประธานจะให้ความเชื่อมั่นอย่างไรว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ขั้นตอนเรื่องปฎิรูปนี้ต้องทำให้สำเร็จ เพราะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าต้องเสร็จเมื่อใด แต่ในความเป็นจริงจะสำเร็จหรือไม่นั้น หากตอบว่าสำเร็จ คงมองว่าชั้นเลิศ แต่จะให้พอใจทุกคนมันคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราจะต้องทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนเชื่อมั่นเมื่อดูตัวคณะกรรมการแล้ว ที่ตั้งมาคนดีๆ ทั้งนั้น เป็นคนที่ให้ความร่วมมือ และไม่ใช่คนที่มีความคิดสุดโต่ง เชื่อมั่นว่าจะทำได้

เมื่อถามว่า ครั้งนี้จะพลิกโฉมวงการตำรวจได้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตำรวจมีคนดีๆ หลายคน ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องดีขึ้น  เมื่อถามว่า รูปแบบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจะยึดแบบกองทัพหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คงไม่มีอะไรตายตัวขนาดนั้น ขอให้คณะกรรมการช่วยกันคิด

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสัดส่วนของตำรวจในคณะกรรมการชุดนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการผ่าตัดโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ลงเอยมันคงน้อยมากสำหรับโอกาสที่จะโหวตด้วยวิธีการยกมือว่าของใครมากกว่ากัน เราคงไม่ทำงานด้วยการเอาชนะ แต่จะทำงานด้วยการชวนกันให้ลงความเห็น ใช้เหตุผล ดังนั้น จะไม่ค่อยมีปัญหา มันไม่ใช่สภา อย่างกองทัพเราทำงานด้วยการช่วยๆ กันคิด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีโมเดลตำรวจของประเทศใดในใจบ้าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เรื่องตำรวจเขามีการศึกษาและจัดทำไว้มากมาย หลังจากนี้จะได้มีการสรุปให้ทุกคนรับฟัง และวันนี้มีคนหนึ่งที่รู้เรื่องตำรวจดีบอกว่าไม่มีองค์กรไหนในประเทศไทยที่มีการศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างจนมีข้อมูลมากที่สุดเท่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงสร้างของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดนี้ ว่า เมื่อมีการประกาศแต่งตั้ง ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีตำรวจเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ จำนวนมาก ซึ่งต้องชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้ว ว่าต้องมีตำรวจเท่ากับผู้ที่ไม่เป็นตำรวจ ดังนั้นจึงมีตำรวจ 15 คน พลเรือน 15 คนเท่ากัน และคนที่เป็นประธาน ต้องเป็นคนเข้าใจงานของตำรวจ เข้าใจเกี่ยวกับการจัดระเบียบองค์กรและความมั่นคง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ทาบทามไปหลายคน ทั้งคนที่เป็นที่รู้จักในสังคม แต่บางท่านก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงไม่สะดวกที่จะเข้ามาทำหน้าที่  สุดท้ายได้ พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ มาเป็นประธาน ซึ่งพลเอกบุญสร้างเป็นทหาร แต่ก็เกษียณมา 10 ปีแล้ว และมีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ดี  ส่วนกรรมการอีก 5 คน เป็นโดยตำแหน่ง คือปลัดกระกรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย  อัยการสูงสุด และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ดังนั้น ขอกรุณาอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดความร้าวฉาน ว่าเอาทหารมาปฏิรูปตำรวจ และประธานก็เป็นทหารที่เกษียณมา 10 ปี และมีกรรมการที่ไม่ใช่ทหารอีกจำนวนมาก เป็นทั้งอาจารย์ นักวิชาการ และอธิการบดี 

นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ จะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ ในวันพุธที่ 12 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพไทย และจะประชุมสัปดาห์ละ 1-2 วัน โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนสถานที่กันไป ทั้งสำนักงานตำรวจะแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยคณะกรรมการนี้จะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้น โดยจะหารือกันในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีกี่ชุดและมีใครบ้าง รวมถึงต้องมีอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น โดยให้เชิญ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกคน มารับฟังความคิดเห็น รวมถึงประชาชน สื่อมวลชน นักวิชาการ ด้วย

นายวิษณุ กล่าวว่า ตำแหน่งเลขานุการ ของคณะกรรมการฯชุดนี้ ได้เสนอให้ พลตำรวจเอกรุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ ส่วนผู้ช่วยเลขานุการ ให้มาจากตำรวจฝ่ายหนึ่ง และไม่ใช่ตำรวจฝ่ายหนึ่ง พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำหน้าที่โฆษกคณะกรรมการฯ

นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการทำวิจัยเรื่องปฏิรูปตำรวจกันมาหลายครั้งจากหลายหน่วยงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้รวบรวมจากทุกฉบับ ทำเป็นหัวข้อ แจกให้คณะกรรมการฯศึกษาเพื่อประกอบการพิจารณา

” นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในประเด็นใหญ่ 3 ข้อ คือ 1.ประเด็นเกี่ยวกับองค์กร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าควรสังกัดอยู่ที่ใด เช่น อยู่เช่นเดิม หรือกลับไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย  หรือสังกัดกระทรวงยุติธรรม  จังหวัด ท้องถิ่น หรือ ตั้งกระทรวง  ทบวง และโครงสร้างที่มีอยู่ ควรจะกระจายอย่างไร ไม่ควรกระจุก เช่น ตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ ตลอดจนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ไปดูว่าควรย้ายไปที่ไหนหรือไม่ 

2.กระบวนการยุติธรรม ต้องพิจารณาอำนาจการสอบสวน ว่าจะคงอยู่อย่างเดิม หรือแยกอย่างไร จะรวมถึงจะทำงานหรือประสานกันอย่างไร ระหว่างมหาดไทย อัยการ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ  และ3.การบริหารงานบุคคล หมายถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย คัดคนเข้ามาเป็นตำรวจ จะใช้ระบบอะไร หลักสูตรโรงเรียนนายร้อยตำรวจเหมาะสม ทันสมัยหรือไม่ การเลื่อน ลด ปลด ย้าย วินัย การมีเครื่องแบบหรือไม่มี การโอนย้ายตำรวจไปกระทรวงอื่น เทียบตำแหน่งอย่างไร รวมถึงการจัดกำลังเสริมการทำงาน การซื้ออาวุธ รวมถึงในแง่นิติวิทยาศาสตร์ ที่เป็นการเสริมการทำงานของตำรวจ จะทำอย่างไรให้ทำงานร่วมงานได้กับหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทั้งหมด นายกฯได้เสนอแนะ  จะทำตามหรือไม่ก็ได้ และนายกฯ ได้เขียนด้วยลายมือ 13 หน้า และอธิบายให้ฟัง รวมถึงให้โจทย์ไปดูด้วยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายจะใช้อาวุโสล้วน หรือ อาวุโส ผสมกับคุณงามความดีความชอบ แบ่งสัดส่วนอย่างไร ซึ่งในเรื่องอื่นช้าได้ เรื่องนี้ต้องทำก่อน และต้องเสร็จภายในปีนี้ ” นายวิษณุ กล่าว 

นายวิษณุ กล่าวว่า ระยะเวลาการทำงาน รวมทั้งหมด 9 เดือน แบ่งเป็น 2 เดือนคุยปัญหา / 3 เดือน ยกร่างกฎหมายและกำหนดกฎเกณฑ์ / 4 เดือนรับฟังความคิดเห็น แต่งเติมส่วนบกพร่อง รวมเป็น 9 เดือน ซึ่งครบอายุของคณะกรรมการชุดนี้

นายวิษณุ กล่าวว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ และเห็นพ้องกับข้อเสนอต่างๆ พร้อมระบุว่า ทุกคนรู้ว่ามีโจทย์อะไรบ้าง แต่สิ่งที่คนทั้งประเทศรอคือ คำตอบ ซึ่งเป็นสิ่งทีคณะกรรมการจะไปดำเนินการ และหากมีความจำเป็นต้องใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ก็พร้อมจะดำเนินการ.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

เจอแล้ว! เจ้าของเงิน 12 ล้าน ซุกกล่องทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – โผล่แล้ว! “ทวีวัฒน์” เจ้าของเงินสด 12 ล้านบาท ซุกกล่องพลาสติก ทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี อ้างเป็นเงินเก็บตั้งแต่สมัยเป็นทนายความ ที่ห้องพักน้ำรั่ว จึงเก็บของมาทิ้ง ลืมว่ามีเงินเก็บไว้ในกล่อง เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (6 มิ.ย.68) พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.1 ได้เชิญตัวนายทวีวัฒน์ เจ้าของเงิน 12 ล้านบาท ซุกกล่องพลาสติก ทิ้งหน้าลิฟต์คอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี มาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้น พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เผยว่า นายทวีวัฒน์ อ้างว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตน ตั้งแต่สมัยเป็นทนายความ ส่วนสาเหตุที่นำมาทิ้ง เนื่องจากน้ำรั่วภายในห้องพัก จึงเก็บข้าวของในห้องที่ถูกน้ำท่วมมาทิ้ง โดยลืมว่ามีเงินเก็บไว้อยู่ในกล่อง พอทราบเรื่องก็เลยมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงิน พร้อมให้ตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าว อ้างมีหลักฐานยืนยันว่า เงินดังกล่าวได้มาตั้งแต่ปี 2563 ก่อนมารับตำแหน่งคณะอนุกรรมการ กสทช. […]

โซเชียลแห่ติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

6 มิ.ย. – ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด มีการส่งกำลังใจให้ผู้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ด้วยแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ที่กำลังร้อนแรงในโลกโซเซียลขณะนี้ หลัง “กองทัพบก Royal Thai Army” เชิญชวนคนไทยติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติงานปกป้องประเทศชาติ บทเพลงต่างๆ ที่สื่อถึงความรักประเทศไทย ก็ถูกนำมาโพสต์ลงโซเซียลในช่วงนี้เช่นกัน หรือจะเป็นกระแสหกเดือนหก ที่นักช้อปออนไลน์รู้จักกันดี ทางกองทัพก็สามารถนำมาโยง ให้เห็นถึงความพร้อมของกำลังพล อย่างกองทัพอากาศ โพสต์ภาพ ทหารติดระเบิดบนเครื่องบินรบ นามเรียกขาน “Lightning” พร้อมบรรยายด้วยข้อความ สั่งวันนี้ • ส่งทันที • ถึงที่หมาย แสดงถึงการพร้อมขึ้นปฏิบัติการสายฟ้าฟาด ปกป้องอธิปไตย พร้อมกันนี้ มีการติด #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ด้วย เช่นเดียวกับ เพจกองทัพบก โพสต์ภาพทหารโดดร่ม พร้อมข้อความ Army ส่งด่วน และ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ไม่เพียงแต่เหล่าทัพที่จุดกระแสรักชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ประกาศจุดยืน ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ พร้อมบังคับใช้กฎหมาย และสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการ พิทักษ์พื้นที่ชายแดน […]

สมช.ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ปัญหามั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- สมช. ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มอบ “กองทัพ” ประสานการปฏิบัติ พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์-ปกป้องอธิปไตย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกเอกสารข่าว ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 โดยที่ประชุม สมช. ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึงนานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา ในการนี้ มอบหมายให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]