กรุงเทพฯ 31 ต.ค. – กรมชลประทานเผยฝนยังตกหนักทางตอนบนลุ่มน้ำเพชรบุรี ส่งผลปริมาณน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเพชรเพิ่มขึ้นต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีสูงขึ้น เตือนประชาชนที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำรับมือน้ำเอ่อล้นตลิ่ง
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณด้านเหนือเขื่อนเพชร ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเพชรมากขึ้นในอัตรา 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ (31 ต.ค.) ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีท้ายเขื่อนเพชรลงมาตั้งแต่บริเวณอำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 1 – 1.50 เมตร แต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง ส่วนพื้นที่ด้านท้ายตั้งแต่อำเภอเมืองเพชรบุรีและอำเภอบ้านแหลม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการขึ้น-ลงของน้ำทะเลจะมีระดับน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง และอาจจะมีน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเพชรบุรีในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงในบริเวณอำเภอบ้านแหลมได้
ทั้งนี้ กรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว จำนวน 30 เครื่อง ขณะนี้ติดตั้งไปแล้ว 9 เครื่อง สำหรับสูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอีก 2 เครื่อง บริเวณแม่น้ำเพชรบุรีก่อนออกทะเล เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม กรม ชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 14 ได้แจ้งเตือนไปยังจังหวัดเพชรบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังเพิ่มการป้องกันตลิ่งในจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ พร้อมทั้งขอให้ปิดประตูปากคลองธรรมชาติที่เชื่อมกับแม่น้ำเพชรบุรี และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเพชรบุรี ตั้งแต่บริเวณอำเภอเมืองเพชรบุรีและอำเภอบ้านแหลม ยกสิ่งของและทรัพย์สินไว้บนที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย รวมทั้งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย