ขนส่งพร้อมให้คำแนะนำเจ้าของรถ หลังถูกเพิกถอนทะเบียน

กรุงเทพฯ  3 ก.ค. – กรมการขนส่งทางบกแนะเจ้าของรถถูกเพิกถอนทะเบียนจากการยื่นเอกสารเท็จประมูลขายทอดตลาดรถ ขส.ทบ  ขอรับคำแนะนำเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมายที่สำนักงานขนส่งรถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ


 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบกสั่งเพิกถอนการจดทะเบียน รถขายทอดตลาดของ ขส.ทบ. 605 คัน เนื่องจากเป็นการยื่นเอกสารเท็จของกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างการขายรถทอดตลาดของ ขส.ทบ. ตามที่แถลงข่าวแล้วนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนตลอดจนคุ้มครองสิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ครอบครองรถที่ได้รับผลกระทบจากการแอบอ้างของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่พร้อมอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายกับผู้นำรถมาจำหน่ายโดยมิชอบแก่ผู้ครอบครองรถที่ซื้อรถมาโดยสุจริต เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ตนเอง ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกได้จัดส่งหนังสือแจ้งเพิกถอนการจดทะเบียนรถทั้งหมดไปยังผู้ครอบครองรถแล้ว

ดังนั้น เมื่อผู้ครอบครองรถได้รับหนังสือแจ้งเพิกถอนการจดทะเบียนรถให้นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับตัวรถทั้งหมด ได้แก่ คู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และแผ่นป้ายทะเบียนรถ ติดต่อด้วยตนเองเท่านั้น ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หรือติดต่อขอรับคำแนะนำกับสำนักงานขนส่งจังหวัดที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ หรือติดต่อขอข้อมูลจาก ขส.ทบ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี ส่วนกรณีผู้ประกอบการเต้นท์รถมือสองซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีรถบางส่วนที่มาจากการยื่นเอกสารประมูลขายทอดตลาดเท็จดังกล่าวได้เช่นกัน ผู้ประกอบการสามารถขอตรวจสอบข้อมูลตัวรถได้กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อป้องกันการครอบครองรถผิดกฎหมายไม่ทราบแหล่งที่มา


อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสาเหตุของการเพิกถอนการจดทะเบียนรถประมูลขายทอดตลาดของ ขส.ทบ. ทั้ง 605 คัน นั้น เนื่องจากตรวจสอบพบเอกสารส่งบัญชีรถแจ้งการประมูลขายทอดตลาดของรถทั้งหมดดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแปลงโดยกลุ่มมิจฉาชีพที่มีกระบวนการทำงานเป็นขั้นตอน ซึ่งได้รับการตรวจสอบยืนยันจากกองคลัง ขส.ทบ. อย่างชัดเจนและ ขส.ทบ. ไม่มีการประมูลรถเพื่อขายทอดตลาดแต่อย่างใด ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมายติดตามหาตัวผู้เกี่ยวข้อง ทั้งขบวนการเพื่อเอาผิดตามกฎหมายในขั้นเด็ดขาด และหาแหล่งที่มาของตัวรถ ซึ่งอาจจะมาจากรถที่มีคดีผิดกฎหมายทุกประเภท ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถของ ขส.ทบ. เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการยื่นจดทะเบียนรถทุกขั้นตอน รวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนไหวถ่ายโอน พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ หากพบเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาดสูงสุดทันที ทั้งทางวินัย ทางแพ่ง และทางอาญาในทุกกรณีความผิด 

พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ร่วมพิทักษ์สิทธิด้วยการซื้อรถที่ถูกที่ต้องตามกฎหมายโดยเฉพาะอย่าหลงเชื่อซื้อรถที่มีราคาถูกเกินจริง รวมทั้งการซื้อขายรถที่มีเอกสารการได้มาของตัวรถไม่ชัดเจน ไม่แนะนำให้ซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอย ในทุกกรณีแนะนำให้ดำเนินการทางทะเบียนหรือนำรถเข้าตรวจสภาพด้วยตนเอง เพราะอาจได้รับเอกสารปลอมและรถที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยอาจเป็นรถที่ไปก่ออาชญากรรมหรือไปพัวพันคดียาเสพติด รวมทั้งเกี่ยวข้องกับคดีผิดกฎหมายทุกประเภท หากสงสัยรถที่ซื้ออาจเป็นรถที่มาจากการประมูลขายทอดตลาดหรือรถผิดกฎหมายสามารถนำเอกสารสัญญาการซื้อขายขอตรวจสอบด้านทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบก่อนการตัดสินใจซื้อขายทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าได้รถที่ถูกต้องตามกฎหมาย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย