กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กฟผ.คงมาตรการรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าภาคใต้ต่อเนื่อง จากเหตุแหล่งก๊าซฯ JDA-A 18 ขัดข้อง พร้อมดึงไฟฟ้าภาคกลาง – มาเลเซียช่วยเสริม
นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ตามที่ กฟผ.ได้รับการประสานจาก บมจ.ปตท. ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาว่าเกิดเหตุขัดข้องในระบบส่งจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือแหล่ง JDA-A 18 ล่าสุดการแก้ไขยังไม่เสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 – 14 วัน หรือเสร็จประมาณวันที่ 12 กรกฎาคม 2560
รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กฟผ.ปรับแผนการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ เนื่องจากโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงต้องหยุดการเดินเครื่อง กฟผ.จึงได้บริหารจัดการโดยปรับมาใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 และโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยประสานกับ ปตท.ให้จัดส่งน้ำมันให้กับโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งเพิ่ม ทั้งนี้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ของภาคใต้รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,350 เมกะวัตต์ ขณะที่การผลิตไฟฟ้าของภาคใต้ช่วงเวลาดังกล่าวสามารถผลิตได้ประมาณ 1,800 เมกะวัตต์ สำหรับไฟฟ้าส่วนที่ขาดอีกประมาณ 500-600 เมกะวัตต์ มีการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเข้ามาเสริมบางช่วงเวลาและมีการส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปช่วยอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วง 10-14 วันนี้จะสูงสุดไม่เกิน 2,500 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระดับที่สามารถจ่ายไฟฟ้าในภาคใต้ได้อย่างเพียงพอ
“ต้องขอให้พี่น้องประชาชน ภาคการท่องเที่ยว และภาคธุรกิจอุตสาหกรรมภาคใต้ ยังคงช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าต่อไปอีกจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ในอนาคตคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้น หากภาคใต้มีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่มในพื้นที่จะช่วยให้เกิดความมั่นคงและลดความเสี่ยงได้” นายสุธน กล่าว.-สำนักข่าวไทย
