ดีเอสไอ 20 มิ.ย.- หัวหน้าชุดพญาเสือ ร้องดีเอสไอรับเรื่องสวมตั๋วช้างและส่งช้างไปต่างประเทศเป็นคดีพิเศษ
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) เดินทางเข้ายื่นเอกสารต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งความดำเนินคดีเรื่องการสวมตั๋วรูปพรรณช้างป่าและช้างบ้าน ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ มารับเรื่อง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นที่นำมาร้องให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการต่อมี 2 ประเด็น คือ การส่งออกช้างไปต่างประเทศ สืบเนื่องจากวังช้างอยุธยาแลเพนียดได้ขออนุญาตส่งช้างออกไปนอกราชอาณาจักร โดยอ้างนำไปแสดงนิทรรศการเป็นการชั่วคราว ที่สวนสัตว์โคโลญจ์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อปี 2549 โดยได้รับอนุญาตให้ส่งไป 5 เชือก มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 6 ล้านบาท โดยกำหนดตามกฎหมายให้ทำสัญญาปีต่อปี แต่ขณะนี้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 11 ปี ช้างทั้ง 5 เชือก ก็ยังไม่ได้นำกลับมา และทางวังช้างอยุธยาแลเพนียดก็ไม่ยอมให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ริบเงินประกัน โดยมีการอ้างสถาบันเบื้องสูงในการดำเนินการในครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า ช้างที่ส่งออกไป 5 เชือก เป็นตัวเมียทั้งหมด ปรากฏพบมีการตกลูก 3 ตัว โดยไม่มีการแจ้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ทราบ ถือเป็นการผิดเงื่อนไขการอนุญาต เมื่อพิจารณาแล้วน่าจะมาจากการผสมเทียม โดยอาจมีการนำเอาน้ำเชื้อจากประเทศไทย ถือเป็นการลักลอบส่งออกสัตว์ป่าคุ้มครอง ผลิตตามอนุสัญญาไซเตส รวมทั้งยังพบมีการแจ้งเอกสารเท็จเกี่ยวกับช้างที่ส่งไป ทั้งหมดผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ฐานนำเข้า-ส่งออกช้าง สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมวลกฎหมายอาญา ฐานใช้เอกสารเท็จ
และอีกประเด็น คือ การที่วังช้างอยุธยาแลเพนียด จ.พระนครศรีอยุธยา ครอบครองช้างป่า สืบเนื่องจากกรมอุทยานฯ ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ “หัวหินทีค” ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบช้างสีดอ ชื่อ “พลายเกาะพญาเพ็ชร” และ “พลายทีจี” พบว่ามีตั๋วรูปพรรณไม่ถูกต้อง มีการสวมรอยรูปพรรณจากช้างป่าเป็นช้างบ้าน
ต่อมาเจ้าของช้างได้พาช้างหลบหนีมาอยู่ที่วังช้างแลเพนียด เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบถึง 3 ครั้ง ผลยืนยันชัดเจนว่า ดีเอ็นเอช้างไม่ตรงกับตั๋วรูปพรรณ โดยทางเจ้าของวังช้างแลเพนียดได้โวยวาย พร้อมทั้งข่มขู่เจ้าหน้าที่ ระบุจะมีการนำช้างไปประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล จะให้มีการย้ายอธิบดีกรมอุทยานฯ รวมถึงมีการหมิ่นเบื้องสูงด้วย ถือเป็นการผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ฐานครอบครองช้าง สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานใช้เอกสารเท็จ หมิ่นสถาบัน ข่มขู่ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ดีเอสไอรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากยอมรับว่า กำลังและอำนาจของกรมฯ อาจไม่สามารถสู้รบกับเจ้าของวังช้างแลเพนียดได้ แม้พยายามทุกวิถีทางแล้วก็ตาม
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องและเร่งพิจารณา โดยมอบให้ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเร่งตรวจสอบ หากเข้าข่ายจะรีบรับเรื่องและดำเนินการโดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย
