คดีไม่คืบ แม่ค้าชาไข่มุกถูกสองแม่ลูกเอาน้ำร้อนราด

นครศรีธรรมราช 26 มิ.ย.-ลูกเหยื่อถูกราดน้ำร้อนร้องขอความเป็นธรรมกว่า 10 วันยังไม่มีการสอบสวนผู้เสียหาย เผยโดนเหยียบหน้าแล้วเอาน้ำร้อนราด ขณะที่คู่กรณีโร่ขึ้นโรงพักพบตำรวจ ระบุแค่เอามือไปปัด


ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เจ๊ เมย์ลูกแม่ค่าคลาสสิก” โพสต์ภาพและข้อความขอความช่วยเหลือ หลังผู้เป็นแม่ถูกสาดน้ำร้อนใส่ จนผิวหนังตามร่างกายพุพอง แพทย์ต้องใช้ผ้าก๊อตพันครึ่งตัว ขณะที่ศีรษะถูกตีด้วยของแข็งจนเป็นแผลฉกรรจ์ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างทุกข์ทรมาน ระบุข้อความว่า“ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ” แม่หนูโดน 2 แม่ลูกเอาน้ำร้อนราด จนบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หน้าสนามกีฬา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากเหตุทะเลาะวิวาท ผู้ใดถ่ายคลิปไว้ช่วยส่งคลิปให้หนูหน่อยค่ะ “ขอความเห็นใจด้วยนะคะ” ว่าจะไม่โพสต์ แต่หนูต้องการคลิปนั้นจริงๆ ค่ะ หรือใครพอเห็นเหตุการณ์ ช่วยแจ้งหนูด้วยนะคะ เพราะตอนนี้คนร้ายยังไม่ถูกดำเนินคดีสงสารหนูเถอะ หนูปล่อยให้เรื่องนี้เงียบมากว่า 10 วันแล้วไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ตอนนี้แม่หนูอยู่โรงพยาบาล แม่หนูนอนทรมารมาก ขอบคุณค่ะ


วันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช สถานที่และผู้เสียหายคือนางรัตนา บุญพา อายุ 43 ปี แม่ค้าชาไข่มุก ถูกคู่กรณีราดด้วยน้ำเดือดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มี น.ส.สุดารัตน์ เทียนชัย อายุ 17 ปี บุตรสาวของผู้เสียหาย และนางทิพวัลย์ พุฒแก้ว ลูกจ้างของผู้เสียหาย ได้เข้าชี้จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นร้านขายเครื่องดื่มของนางรัตนา โดยคู่กรณีได้ยกพวกมาจากร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ใกล้กันมารุมทำร้าย 2 คน ใช้ไม่ตีศีรษะจนแตกและล้มลงไป ก่อนที่หนึ่งในนั้นได้ไปคว้าหม้อน้ำร้อนที่กำลังตั้งอยู่บนเตาในร้านขายอาหารประเภทยำ มาราดใส่นางทิพวัลย์ พร้อมทั้งข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าช่วยเหลือ

โดย น.ส.สุดารัตน์ เทียนชัย อายุ 17 ปี บุตรสาวของผู้เสียหายยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนมารดาของเธอ แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาถึง 16 วันแล้ว ขณะที่สภาพอาการของมารดานั้นอยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัสผิวหนังเปื่อยพุพองจากน้ำร้อนที่ถูกราดใส่ร่างกายมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แพทย์ต้องให้ยาแก้ปวดผ่านทางเส้นเลือดทุก 3 ชม.และหวั่นวิตกอาการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งได้โทรศัพท์ไปสอบถามตำรวจกลับไม่มีความคืบหน้า 

และในวันเดียวกันนี้คู่กรณีของนางรัตนา จำนวน 2 คน คือ น.ส.สุวรา โชจรูญเดช อายุ 31 ปี และนางสมศรี โชจรูญเดช อายุ 50 ปี เป็นแม่ลูกกันได้เข้าพบกับ ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.(สอบสวน)  สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของคดีตามหมายเรียก โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบนสถานีตำรวจอย่างเด็ดขาด และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว จากนั้น 2 แม่ลูกก็เข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนภายในห้องสอบสวนของ สภ.เมือง อย่างไรก็ตามภายหลัง น.ส.สุวรา ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าเป็นการทะเลาะวิวาท และถูกนางรัตนา ด่าอย่างเสียๆ หายๆ และรุนแรงมาก ช่วงนั้นเห็นนางรัตนา คู่กรณีถืออาวุธมีดมาเพื่อจะทำร้ายตนเอง ก่อนจะมีการต่อสู้กันจนชุลมุน และจำอะไรไม่ได้อีกเลย ขณะที่นางสมศรี มารดาของ น.ส.สุวรา อ้างว่าได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเนื่องจากเกรงว่าจะถูกแทง ส่วนน้ำร้อนที่ลวกนางรัตนา นั้นแค่เอามืดไปปัดโดยไม่เจตนาที่จะทำร้ายรุนแรง เกิดขึ้นเฉพาะหน้าไม่ได้เตรียมการมาก่อนแต่อย่างใด กระทั่งมาโดนหมายเรียกจาก สภ.เมือง จึงมาให้ปากคำดังกล่าว


ด้าน ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดได้ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสอบพยานแล้ว ส่วนนางรัตนา ผู้บาดเจ็บนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อจะสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ทางแพทย์ให้ผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวห้องปลอดเชื้อ ซึ่งหากจะสอบสวนผู้บาดเจ็บภายในห้องปลอดเชื้อนั้นอาจไม่เหมาะต่อการทำงานของแพทย์และพยาบาล รวมทั้งคนป่วยคนอื่นที่พักรักษาตัวที่ห้องปลอดเชื้อ ตนเองจึงแจ้งญาติผู้บาดเจ็บว่าหากผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นค่อยมาสอบปากคำ และวันนี้ได้แจ้งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้วให้มาที่โรงพัก เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองฝ่ายในข้อหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย แต่ถ้าหากฝ่ายผู้บาดเจ็บประสงค์จะแจ้งข้อหาคู่กรณีเพิ่มตำรวจจะรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายและไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]