กรุงเทพฯ 26 มิ.ย.- เครือข่ายองค์กรเด็กฯ ร้องกรรมการสิทธิ์ ตามคดีค้ากามแม่ฮ่องสอน-โคราช ผลสอบยังมีความเคลือบแคลง ชี้ค่านิยมจัดเด็กเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นจุดเริ่มต้นทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าเมื่อเวลา 10.00 น. นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรด้านเด็กผู้หญิงและเยาวชน กว่า 20 คน เข้ายื่นหนังสือถึงนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิสตรี เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการค้าประเวณีเด็ก และค้ามนุษย์ จ.แม่ฮ่องสอน และจ.นครราชสีมา
นางทิชา กล่าวว่า จากกรณีที่ข้าราชการระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อบริการทางเพศ และค้ามนุษย์ ที่ จ.แม่ฮ่องสอน แม้การตรวจสอบเรื่องนี้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยุติลงไปแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงยังมีประเด็นที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะค่านิยมเลี้ยงดูปูเสื่อของข้าราชการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริตคอร์รัปชั่น และยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย การดำเนินการคดีดังกล่าวยังมีข้อน่าเคลือบแคลงสงสัยอยู่หลายประการ โดยจากข้อมูลที่ได้จากเด็กใน จ.แม่ฮ่องสอน พบว่ากลุ่มข้าราชการเป็นกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด และยังได้ข้อมูลอีกว่าในกรณีที่มุขมนตรีประเทศพม่าเดินทางมาทำข้อตกลงเรื่องพื้นที่ชายแดนใน จ.แม่ฮ่องสอน ข้าราชการในพื้นที่ก็มีการจัดเด็กหญิงไว้รับรองด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้าราชการในพื้นที่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้
นางทิชา กล่าวอีกว่า ขอให้ กสม.พิจารณาดำเนินการ คือ 1.ขอให้ดำเนินการตรวจสอบกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีค้าประเวณีจ.แม่ฮ่องสอน และจ.นครราชสีมา 2. ขอให้พิจารณาสนับสนุนให้กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นได้เข้าสู่การดำเนินงานของกรมการสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการดำเนินการที่เกี่ยวกับการค้าประเวณีเด็กและการค้ามนุษย์ เพราะกระบวนการตรวจสอบที่ผ่านมานั้นไม่มีหน่วยงานที่เป็นคนกลางเข้าไปร่วมตรวจสอบ และ 3.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันต่อต้านค่านิยมเลี้ยงดูปูเสื่อ การค้าประเวณีเด็ก ตลอดจนการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ
ด้านนางอังคณา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เสนอให้ กสม.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว แม้ไม่มีผู้เสียหายมายื่นเรื่องร้องเรียน ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการของ กสม. และได้ขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ถูกร้องและผู้ร้องด้วยเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากมีการส่งหนังสือมาล่าช้า ทาง กสม.ก็จะทำหนังสือทวงถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง และอาจจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
“กสม.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องการค้ามนุษย์ และการล่วงละเมิดทางเพศ แต่เห็นว่าสิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือ อคติทางเพศ รวมทั้งวัฒนธรรมเชิงโครงสร้างที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศแก้ได้ยาก และถึงแม้เราจะมีกฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์ที่ดี แต่ก็ยังมีปัญหาในการนำไปปฏิบัติอยู่” นางอังคณา กล่าวและว่า วันที่ 5 ก.ค.นี้ ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่การทบทวนสิทธิเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งจะถูกหยิบยกเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์มาพูด โดยรัฐบาลจะต้องเตรียมตอบคำถามเรื่องนี้ในเวทีระหว่างประเทศด้วย แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีผลงานหลายอย่างในเรื่องนี้แต่บางเรื่องก็ยังเป็นปัญหาในการปฏิบัติอยู่.-สำนักข่าวไทย