กาญจนบุรี 18 มิ.ย. – กรรมการผู้จัดการ ธอส.โชว์ผลงานครบรอบ 1 ปี ปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 160,000 ล้านบาท เตรียมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำตามนโยบายรัฐ ดูแลผู้สูงอายุและชาวบ้านมีที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หลังจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยการกำหนดรายได้ขั้นต่ำเพิ่มเป็น 25,000-30,000 บาทต่อเดือน และเงื่อนไขอื่นเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านหันมาพึ่งพาสินเชื่อโครงการบ้าน ธอส.สานรัก คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.99 ในช่วง 2 ปีแรก จำนวนมาก จึงได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อจาก 8,000 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาท และเพิ่มอีกเป็น 40,000 ล้านบาท และได้ปรับเงื่อนไขดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 3 เพิ่มยอดเงินกู้ต่อรายจาก 2 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากสินเชื่อบ้าน “FOR HOME” โครงการล่าสุดคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุดเพียงร้อยละ 3.43 ต่อปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ และค่าจดทะเบียนจำนอง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปอย่างมาก และยังเปิดทางให้รีไฟแนนซ์ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายดูแลประชาชนทุกกลุ่มทั้งระดับล่าง ระดับกลาง พึ่งพาสินเชื่อที่อยู่ศัย
ส่วนโครงการดูแลที่อยู่อาศัยรองรับสังคมวัยชรา หลังจากออกสินเชื่อไปก่อนแล้ว ด้วยการให้ลูกกตัญญูสำหรับคนทำงานกู้เงินเงื่อนไขผ่อนปรนและให้บิดา มารดาอยู่อาศัยด้วยกัน วงเงิน 10,000 ล้านบาท เมื่อกฎหมายของ ธอส.ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่ม คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในช่วง 4 ปีแรก วงเงิน 5,000 ล้านบาท ขณะนี้ประสานให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาโมเดลสินเชื่อผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังหารือกับการเคหะแห่งชาติส่งเสริมการปรับปรุงที่อยู่อาศัย เช่น บ้านริมคลอง และสร้างที่อยู่อาศัญใหม่ นำร่องจังหวัดปัตตานี ทั้งบางละมุง และแฟลตดินแดง
สำหรับแผนดำเนินงานครึ่งปีหลังยังเดินหน้าปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากทั้งปีตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 178,000 ล้านบาท คาดว่าทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนการดูแลหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ภายในปีนี้ให้ได้ร้อยละ 4.86 จากปัจจุบันร้อยละ 5.06 จึงเตรียมขายหนี้เสียให้เอกชนรับไปบริหาร ขณะนี้มีผู้สนใจแล้ว 5 ราย และเมื่อควบคุมหนี้เอ็นพีแอลได้จึงกำหนดเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปี 10,115 ล้านบาท จากเดิมกันเงินไว้ตั้งสำรอง 1,000 ล้านบาท
ส่วนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลเน้นนำเครื่องชำระเงินงวดอัตโนมัติ ( LRM ) เพื่อเปิดให้ลูกค้าชำระหนี้ผ่านเครื่องอัตโนมัติ ลดเวลาขั้นตอนการชำระเงินจากเวลา 3 นาทีต่อรายการ เหลือเพียง 1 นาที หวังดึงการใช้บริการผ่านเคาน์เตอร์ร้อยละ 70 ของการทำธุกรรมผ่านแบงก์ให้ได้ครึ่งหนึ่ง จากเดิมสัดส่วนการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสร้อยละ 18 ชำระผ่านแบงก์ใหญ่ 5 แห่ง สัดส่วนร้อยละ 12 และสัดส่วนร้อยละ 70 ผ่านเคาน์เตอร์ของ ธอส. เพื่อขยายการติดตั้งจาก 10 แห่ง เป็น 50 แห่งภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 100-200 แห่งภายในปีหน้า เน้นตามจุดห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้าใต้ และย่านธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า หวังปรับบุคลากรจากให้บริการทางการเงินเปลี่ยนไปให้บริการสินเชื่อ
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งเดือนพฤษภาคม 2559 ถึง 31 พฤษภาคม 2560 หรือครบรอบ 1 ปี ในการดำรงตำแหน่ง ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่รวมได้ 163,382 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 947,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.60 เงินฝากรวม 802,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 มีสินทรัพย์รวม 994,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.25 โดยมีเอ็นพีแอล 50,872 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.37 ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงร้อยละ 0.40 หรือ 456 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.32 ซึ่งภาพรวมของผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าปี 2560 จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 178,224 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย