กรุงเทพฯ 17 มิ.ย.-“พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ” ระบุกรณี “วัฒนา” อ้างเหตุวางระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ เพราะไม่ชอบทหารจากเหตุสลายการชุมนุม เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวน อย่านำไปเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง ชี้การแก้ปัญหาไม่ใช่แค่เปิดเวทีรับฟังความเห็น แนะทุกฝ่ายร่วมมือกันยุติความขัดแย้ง สร้างความปรองดองอย่างเท่าเทียม
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการที่นายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อ้างเหตุจูงใจไม่ชอบทหารจากเหตุสลายการชุมนมและมีผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ว่า ส่วนตัวยังไม่ปักใจเชื่อว่ามูลเหตุจูงใจที่นายวัฒนาอ้างถึง เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป และไม่อยากให้นำไปเชื่อมโยงกลายเป็นเรื่องการเมือง
พล.อ.เอกชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ หากมีการใช้กำลังต่อสู้กันแล้วฝ่ายที่สูญเสียจะมีความโกรธแค้น ซึ่งกรณีของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับทหาร เชื่อว่าต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันอยู่ และพร้อมจะปะทุได้ตลอดเมื่อมีการเผชิญหน้า เพราะยังคงมีคำถามคาใจไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีการขจัดความรู้สึก ทำได้หลายวิธี ไม่ใช่เฉพาะการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและการจ่ายเงินเยียวยาเหมือนที่รัฐบาลทำในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องมีการเยียวยาจิตใจความรู้สึก การทำความจริงให้มีความชัดเจน ผู้ทำผิดต้องได้รับโทษ มีการขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อหวังที่จะได้รับการอภัยจากฝ่ายที่สูญเสีย
“คนที่มีแผลในใจแบบนายวัฒนายังคงมีจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะเสื้อแดง แต่รวมถึงทหารที่สูญเสียด้วย และไม่ใช่คนเดียว มีครอบครัว รวมถึงคนรู้จักที่มีอารมณ์ความรู้สึกตามไปด้วย วิธีฟื้นฟูสภาพจิตใจ ไม่ใช่แค่การรับฟัง เพราะการรับฟังเป็นเพียงรูปแบบหนึ่ง แต่ต้องทำให้ทุกคนมองอนาคตร่วมกัน ทำอย่างไรไม่ให้ปัญหากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ยุติความขัดแย้ง การอำนวยความยุติธรรม การสร้างความปรองดองต้องทำอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมือง การนิรโทษกรรมต้องปราศจากอคติ ต้องมีการอำนวยความยุติธรรม หาสาเหตุ และวางแผนแก้ปัญหาร่วมกัน ส่วนการที่รัฐบาลพยายามสร้างความสามัคคีปรองดอง มีการเชิญกลุ่มที่เห็นต่าง ทั้งภาคการเมืองและสังคมมาแสดงความคิดเห็นนั้น ก็เป็นเรื่องดี และไม่คิดว่าแนวทางปรองดองของรัฐบาลจะล้มเหลว เพราะการสร้างปรองดองต้องใช้เวลา รวมถึงวิธีการอื่นมาผสมผสาน ไม่ใช่ทำเฉพาะส่วน การเชิญกลุ่มต่าง ๆ มาแสดงความเห็น เป็นเพียงแกนนำในส่วนกลางของกลุ่มต่าง ๆ แต่ยังขาดแกนนำในพื้นที่และภาคประชาชน เข้ามาร่วมพูดคุย” พล.อ.เอกชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย