จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ของกลางมูลค่ากว่า50ล้านบาท

ดีเอสไอ 16มิ.ย.- ดีเอสไอ จับโกดังสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ เจ้าของเป็นนายทุนต่างชาติ ได้ของกลางกว่าแสนชิ้น มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท เร่งขยายผลเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลัง


พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าว กรณีสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ตรวจค้นจับกุมโกดังสินค้า ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศและหลีกเลี่ยงภาษีอากร ย่านถนนกาญจนาภิเษก พบสินค้ากว่าแสนชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

พันตำรวจเอกไพสิฐ  กล่าวว่า ขบวนการดังกล่าวมีนายทุนเป็นชาวต่างชาติ ลักลอบนำสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่โทรศัพท์ กระเป๋า เครื่องสำอาง โดยนำเข้ามาจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก มีการขนส่งสินค้ามากถึงครั้งละ 2-3 ตู้คอนเทนเนอร์ ลำเลียงมาเก็บพักไว้ในโกดังย่านถนนกาญจนาภิเษก หลังจากนั้นจะทยอยนำไปส่งให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้ารายย่อยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด 


จากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทางการเงินพบว่าในระหว่างปี 2559 – ปัจจุบัน นายทุนรายนี้ ซึ่งมีชื่อย่อว่า “เจ๊ ฮ.” เป็นชาวจีนได้มีรายได้จากการดำเนินกิจการมากกว่า 400 ล้านบาท โดยไม่มีการเสียภาษี หรือเสียภาษีเงินได้ไม่ครบถ้วน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีตัวสินค้า และรวมถึงถูกเพ่งเล็งว่าไม่ให้ความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย อันมีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงรับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ โดยขณะนี้ของกลางยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เมื่อสอบสวนเสร็จจึงจะสามารถดำเนินการจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังได้ ยืนยันมีข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลังรายใหญ่ทุกรายที่ทำขบวนการเหล่านี้อยู่แล้ว

โดยล่าสุดไทยยังถูกจัดอันดับอยู่มาตรา 301 พิเศษ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในระดับ PWL (Prior watch list) ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาพร้อมที่จะทบทวนสถานะของประเทศให้ดีขึ้น ดีเอสไอจึงพยายามปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเน้นในกลุ่มผู้ผลิต ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ค้ารายใหญ่ และสินค้าที่กระทบต่อผู้บริโภค เพื่อหวังให้ประเทศไทยจะได้ถูกปรับสถานะให้ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง