กรุงเทพฯ12 มิย. – พพ.ย้ำเปิดโซลาร์รูฟท็อป รับซื้อไฟฟ้าแน่นอน ยอมรับปัญหายังมาก หากปรับแผน AEDP ใหม่มีพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าร้อยละ 40
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ยังคงยืนยันจะเสนอให้โครงการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป ที่จะเปิดส่งเสริมรอบใหม่ให้เป็นรูปแบบการรับซื้อไฟฟ้าในอัตราที่ไม่กระทบต่อค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน หลักการ คือ ไม่แพงกว่าอัตราต้นทุนต่อค่าไฟฟ้าส่งในระบบ อัตรารับซื้อจากภาคประชาชนและนิติบุคคลอาจแตกต่างกัน เพราะนิติบุคคลได้สิทธิประโยชน์ภาษีจากการส่งเสริมการลงทุน และจะต้องดูเรื่องไฟฟ้าย้อนกลับกระทบความมั่นคงอย่างไร โดยเป้าหมาย คือ ส่งเสริมให้ประชาขนผลิตไฟฟ้าใช้เอง หากเหลือจึงจะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบ และหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องดูถึงผลกระทบต่อรายได้ของ 3 การไฟฟ้าด้วย
ส่วนแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP 2015 (ปี 2558-2579) ที่กำลังจะปรับแผนเพิ่มเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการได้หรือไม่กำลังพิจารณาภาพรวม เพราะอัตราดังกล่าวจะเทียบเท่าไฟฟ้าเกือบ 40,000 เมกะวัตต์ เมื่อสิ้นปี 2579 ซึ่งต้องดูให้รอบด้านทั้งความมั่นคง ราคา เชื้อเพลิง
“แผน AEDP จะปรับเพิ่มหรือลดอะไรบ้าง ต้องรอดูแนวโน้มราคาน้ำมัน ความต้องการใช้พลังงานที่ขณะนี้ไฟฟ้าต่ำกว่าคาด โดยในส่วนไบโอดีเซล เอทานอลก็ต้องดูถึงเกษตรกร ผลผลิตและราคาจะต้องแข่งขันได้ด้วย” อธิบดี พพ. กล่าว
ทั้งนี้ พพ.ลงนามร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในภาคอุตสาหกรรม ยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน และเอสเอ็มอี ดึงเงินกองทุนอนุรักษ์ฯ ร่วมขับเคลื่อนแผนงานคาดประหยัดพลังงานคิดเป็น 1,264 kTOE (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) ต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 13,727 ล้านบาทต่อปี ในด้านของการประหยัดพลังงาน 1,247 kTOE ต่อปี เทียบเท่าการประหยัดงบประมาณ 13,542 ล้านบาทต่อปี การดำเนินทำหลายรูปแบบ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพหม้อไอน้ำในโรงงานเอสเอ็มอี เป็นต้น
สำหรับกรอบความร่วมมือเพื่อบูรณาการการดำเนินงานดังกล่าวประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ 2.ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน 3.ด้านระบบฐานข้อมูล 4.ด้านการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรม และ 5.ด้านพัฒนาบุคลากรและประชาสัมพันธ์ โดยจะมีการจัดทำมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานอุตสาหกรรม (Factory Energy Code) ร่วมกันด้วย.-สำนักข่าวไทย