นนทบุรี 2 มิ.ย. – ผู้ประกอบการสนใจรถหนูณิชย์ฟู้ดทรัคไม่น้อย รอความชัดเจนจาก กทม.กำหนดพื้นที่เป้าหมาย คาดเร็ว ๆ นี้เปิดตัวได้แน่ ยันช่วยลดค่าครองชีพและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารมีแหล่งจำหน่ายอาหารทั่วกรุง ย้ำขยายพื้นที่ไปต่างจังหวัด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมการค้าภายในและกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีเอกชนหลายรายสนใจโครงการหนูณิชย์ Food Truck และ Food Truck ทั่วไป มีการสอบถามรายละเอียดโครงการดังกล่าวไม่น้อย ซึ่งขณะนี้ทางกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างจัดพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะนำหนูณิชย์ Food Truck และ Food Truck ทั่วไปเข้าไปจัดจำหน่ายในสถานที่เขตกรุงเทพมหานคร โดยเน้นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ คาดว่าน่าจะเปิดโครงการดังกล่าวเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินการลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนและให้ดำเนินการจัดทำโครงการหนูณิชย์ Food Truck ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการลดค่าครองชีพ ซึ่งราคาอาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาท ส่วน Food Truck ทั่วไปจะมีราคาเฉลี่ยสูงนิดหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ซึ่งทุกหน่วยงานเริ่มศึกษาตั้งแต่ต้นปี 2560 ตั้งเป้าหมายให้มีรถ Food Truck เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 35 คันภายในปีนี้ และจะดูผลตอบรับหากได้รับความสนใจมากจะเดินหน้าขยายโครงการดังกล่าวไปในต่างจังหวัดใหญ่ ๆ ต่อไป
สำหรับพื้นที่เป้าหมายของโครงการดังกล่าวจะใช้พื้นที่ย่านแหล่งท่องเที่ยว งานแสดงสินค้า และงานเทศกาลต่าง ๆ เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้า เบื้องต้นสถานที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานครที่จะจัดพื้นที่จำหน่ายอาหารทั้งหนูณิชย์ Food Truck และ Food Truck ทั่วไป เช่น ตลาดเยาวราช สวนลุมพินี สุขุมวิท รัชดา ถนนข้าวสาร และอีกหลายพื้นที่ ซึ่งกำลังรอให้กรุงเทพมหานครจัดพื้นที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง โดยรัฐบาลจะเน้นช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถบริโภคอาหารปรุงสำเร็จราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการขายอาหารและกระทรวงพาณิชย์ยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดหาแหล่งเงินทุนจากโครงการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยผู้ประกอบการจะต้องสมัครเป็นสมาชิกโครงการร้านอาหารหนูณิชย์ก่อนขอรับการสนับสนุนเงินทุนฟื้นฟูดังกล่าว หากผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1569.-สำนักข่าวไทย