กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – ดัชนีธุรกิจกรุงไทยไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 สะท้อนเศรษฐกิจขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามแรงหนุนมาตรการรัฐและการส่งออกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด
นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการจัดทำดัชนีธุรกิจกรุงไทย ซึ่งธนาคารสำรวจความเชื่อมั่นของลูกค้านักธุรกิจกว่า 2,200 รายทั่วประเทศ โดยสำรวจทุกไตรมาสนั้น ปรากฏว่าไตรมาสที่ผ่านมาดัชนีเพิ่มขึ้นเหนือระดับปกติต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับการขยายตัวของจีดีพีไตรมาสแรก โดย 4 กลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นและอยู่เหนือระดับปกติ ได้แก่ ธุรกิจการเงินและประกันภัย ธุรกิจก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาโครงการภาครัฐ ธุรกิจพาณิชยกรรม ได้แก่ ธุรกิจขายรถยนต์ในประเทศ ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม ขายปลีกน้ำมันและเชื้อเพลิง ธุรกิจอุตสาหกรรม ประกอบด้วยอุตสาหกรรมเหมืองหิน ทราย ผลิตวัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตอาหาร ผลิตยางแผ่น และยางแท่ง โดยธุรกิจเหล่านี้ ส่วนใหญ่ยอดขายเพิ่มขึ้น หรือได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ หากจำแนกตามภูมิภาคพบว่าความเชื่อมั่นของนักธุรกิจเพิ่มขึ้น 4 ภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้รับผลบวกจากการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมากที่สุด ภาคกลางและภาคตะวันตกความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ปัจจัยบวกมาจากการส่งออกสินค้าและการค้าชายแดนฝั่งตะวันตก โดยการส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ น้ำตาล และเครื่องดื่มช่วยหนุนธุรกิจในภูมิภาค ภาคเหนือ ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปลูกอ้อยและยางพารา อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ และความซบเซาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ความเชื่อมั่นในภาคตะวันออกและภาคใต้ลดลง
นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า ผลสำรวจยังพบว่านักธุรกิจคาดหวังว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ เม็ดเงินพัฒนากลุ่มจังหวัดจากงบกลางปีที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แต่ยังมีความกังวลต่ออุปสงค์ในประเทศที่ยังเปราะบาง ค่าเงินผันผวน ความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ และความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นไตรมาส 2 คาดว่ามีโอกาสทรงตัว แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว เนื่องจากพืชผลสำคัญบางชนิด เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าว ราคาเริ่มปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวดี รวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง .-สำนักข่าวไทย
