สธ.ชวนเลิกบุหรี่ เริ่มตั้งต้นวันงดสูบบุหรี่โลก

กรุงเทพฯ 30 พ.ค.-สธ.-สสส.ชวนเลิกบุหรี่โดยใช้ฤกษ์วันงดสูบบุหรี่โลก 31พ.ค.ร่วมถวายเป็นพระราชกุศลน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พบมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 50,000 คน พร้อมมอบรางวัลหน่วยงานดีเด่นโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยฯ 


นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)มอบรางวัลหน่วยงานดีเด่น โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน  เพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 


ทั้งนี้ มีหน่วยงานได้รับรางวัลระดับชาติ  เชิญชวนผู้เลิกสูบบุหรี่ในโครงการ ฯ สูงสุด  ได้แก่ 1.ประเภทสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดีเด่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ 2.ประเภทสำนักงานสาธารณสุขอำเภอดีเด่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 3.ประเภทหน่วยบริการสาธารณสุขดีเด่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไม้งาม อำเภอเมือง จังหวัดตาก 

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันดับดับต้นๆของการเสียชีวิต องค์การอนามัยโลกได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่เนื่องจากทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ปีละกว่า 6 ล้านคนต่อปี และจะเพิ่มเป็น 8 ล้านคนต่อปีในปี 2573 กระทรวงสาธารณสุขต้องการสร้างเสริมสุขภาพ ของคนในชาติ ลดปัญหาการเจ็บป่วยและการสูญเสียจากการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นภัยสุขภาพที่สามารถป้องกันได้ โดยผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2557 มีคนไทยสูบบุหรี่กว่า 11.4 ล้านคนในแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 50,000 คน อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคถุงลมปอดโป่งพอง ผู้สูบบุหรี่แต่ละคนอายุสั้นลงเฉลี่ย 12 ปี และจะป่วยหนัก ทรมาน สูญเสียคุณภาพชีวิตก่อนเสียชีวิตเฉลี่ย 2 ปี กระทรวงสาธารณสุข อยากเห็นคนไทยมีสุขภาวะที่ดี ห่างไกลโรค ห่างไกลบุหรี่ โดยขอให้ใช้วันที่31 พฤษภาคมนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเลิกบุหรี่ ที่สำคัญคือต้องปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ให้ตระหนักถึงโทษพิษภัยของบุหรี่ ตั้งแต่ปฐมวัยและวัยประถมศึกษาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่


นพ.สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การดำเนินโครงการฯในปีแรก 2559 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมโครงการ 503,779 คน โดยเลิกบุหรี่ 1 เดือนจำนวน 191,534 คน เลิกบุหรี่ 3 เดือนจำนวน 104,314 คน เลิกบุหรี่ 6 เดือนจำนวน70,956 คน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าคนสูบบุหรี่มีค่าใช้จ่ายซื้อบุหรี่เฉลี่ยเดือนละ 423 บาท โครงการนี้ทำให้ประชาชนที่ร่วมกันเลิกบุหรี่ประหยัดเงินได้กว่า 393 ล้านบาท โดยในปี 2560 เข้าสู่ปีที่ 2 ของโครงการ ตั้งเป้าชักชวนให้คนเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ 2 ล้านคน และในปีที่ 3 ให้ได้ตามเป้าหมาย 3 ล้านคน 

นพ.บัณฑิต ศรไพศาล  รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นกำลังหลักในการดำเนินโครงการฯ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อน สนับสนุนและเสริมนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่ง สสส. ได้จัดทำแคมเปญรณรงค์ในประเด็น “เลิกบุหรี่ ชีวิตเปลี่ยน” โดยเป้าหมายชวนให้คนสูบบุหรี่ เลิกสูบได้ 3 ล้านคน ใน 3 ปี  เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก  หากทุกคนทุกภาคส่วนในสังคมช่วยกันเชิญชวนคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักที่สูบบุหรี่อยู่ให้เลิกสูบมากขึ้น เป้าหมายนี้ก็จะบรรลุผลได้ ประโยชน์จะเกิดขึ้นต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัวและคนรอบข้างก็จะได้ประโยชน์ ระบบสาธารณสุขทั้งทรัพยากรบุคคลและงบประมาณก็จะถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นอื่นๆได้มากยิ่งขึ้นต่อไป

นางอำนวย สุทัตโต อสม.ดีเด่นระดับชาติ  ชวนคนเลิกบุหรี่ ตามโครงการฯ กล่าวว่า  ทำงานรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่ ตั้งแต่ปี  2555 ใช้ประสบการณ์ที่มีช่วยในการชวนคนเลิกบุหรี่  โดยเริ่มจากชวนคนในครอบครัวที่สูบบุหรี่ให้เลิกเพื่อเป็นต้นแบบ  รวมทั้งประชุม อสม.ร่วมค้นหาวิธี  ด้วยการนำนวตกรรมข้อความบนกระดาษพร้อมสโลแกนโดนใจที่ อสม.ช่วยกันคิด พร้อมภาพลูกสาว หรือคนที่รัก มีผลต่อจิตใจสูง จัดพิมพ์มอบให้ อสม.ที่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ให้ไปติดไว้บริเวณที่สูบ  ทำให้เห็นบ่อยๆ เพื่อเตือนใจ พร้อมใช้จิตวิทยาพูดคุย แนะนำ ควบคู่กับการอมลูกอม  น้ำยาบ้านปาก  มะนาวทั้งเปลือกและเกลือ  ที่ใช้แทนเมื่อเกิดอาการอยากสูบบุหรี่  จนที่สุดคนในครอบครัว อสม. ก็สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จและขยายผลสู่คนในชุมชนมากขึ้น   นอกจากยังขยายไปยังโรงเรียน โรงงาน และหน่วยงานราชการในพื้นที่ จนทำให้เกิดคนในตำบลกว่า 50 % สามารถลด ละเลิก บุหรี่ได้ จึงขอให้ อสม.ร่วมทำความดี ช่วยคนเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีและประชาชนห่างไกลบุรี่ได้มากขึ้น      .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย