กรุงเทพฯ 30 พ.ค.-สธ.-สสส.ชวนเลิกบุหรี่โดยใช้ฤกษ์วันงดสูบบุหรี่โลก 31พ.ค.ร่วมถวายเป็นพระราชกุศลน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พบมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 50,000 คน พร้อมมอบรางวัลหน่วยงานดีเด่นโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยฯ
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)มอบรางวัลหน่วยงานดีเด่น โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน เพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ทั้งนี้ มีหน่วยงานได้รับรางวัลระดับชาติ เชิญชวนผู้เลิกสูบบุหรี่ในโครงการ ฯ สูงสุด ได้แก่ 1.ประเภทสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดีเด่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ 2.ประเภทสำนักงานสาธารณสุขอำเภอดีเด่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 3.ประเภทหน่วยบริการสาธารณสุขดีเด่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไม้งาม อำเภอเมือง จังหวัดตาก
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญอันดับดับต้นๆของการเสียชีวิต องค์การอนามัยโลกได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่เนื่องจากทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ปีละกว่า 6 ล้านคนต่อปี และจะเพิ่มเป็น 8 ล้านคนต่อปีในปี 2573 กระทรวงสาธารณสุขต้องการสร้างเสริมสุขภาพ ของคนในชาติ ลดปัญหาการเจ็บป่วยและการสูญเสียจากการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นภัยสุขภาพที่สามารถป้องกันได้ โดยผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2557 มีคนไทยสูบบุหรี่กว่า 11.4 ล้านคนในแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 50,000 คน อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคถุงลมปอดโป่งพอง ผู้สูบบุหรี่แต่ละคนอายุสั้นลงเฉลี่ย 12 ปี และจะป่วยหนัก ทรมาน สูญเสียคุณภาพชีวิตก่อนเสียชีวิตเฉลี่ย 2 ปี กระทรวงสาธารณสุข อยากเห็นคนไทยมีสุขภาวะที่ดี ห่างไกลโรค ห่างไกลบุหรี่ โดยขอให้ใช้วันที่31 พฤษภาคมนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเลิกบุหรี่ ที่สำคัญคือต้องปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ให้ตระหนักถึงโทษพิษภัยของบุหรี่ ตั้งแต่ปฐมวัยและวัยประถมศึกษาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่
นพ.สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การดำเนินโครงการฯในปีแรก 2559 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมโครงการ 503,779 คน โดยเลิกบุหรี่ 1 เดือนจำนวน 191,534 คน เลิกบุหรี่ 3 เดือนจำนวน 104,314 คน เลิกบุหรี่ 6 เดือนจำนวน70,956 คน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าคนสูบบุหรี่มีค่าใช้จ่ายซื้อบุหรี่เฉลี่ยเดือนละ 423 บาท โครงการนี้ทำให้ประชาชนที่ร่วมกันเลิกบุหรี่ประหยัดเงินได้กว่า 393 ล้านบาท โดยในปี 2560 เข้าสู่ปีที่ 2 ของโครงการ ตั้งเป้าชักชวนให้คนเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ 2 ล้านคน และในปีที่ 3 ให้ได้ตามเป้าหมาย 3 ล้านคน
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นกำลังหลักในการดำเนินโครงการฯ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อน สนับสนุนและเสริมนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง สสส. ได้จัดทำแคมเปญรณรงค์ในประเด็น “เลิกบุหรี่ ชีวิตเปลี่ยน” โดยเป้าหมายชวนให้คนสูบบุหรี่ เลิกสูบได้ 3 ล้านคน ใน 3 ปี เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก หากทุกคนทุกภาคส่วนในสังคมช่วยกันเชิญชวนคนใกล้ชิดหรือคนรู้จักที่สูบบุหรี่อยู่ให้เลิกสูบมากขึ้น เป้าหมายนี้ก็จะบรรลุผลได้ ประโยชน์จะเกิดขึ้นต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัวและคนรอบข้างก็จะได้ประโยชน์ ระบบสาธารณสุขทั้งทรัพยากรบุคคลและงบประมาณก็จะถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นอื่นๆได้มากยิ่งขึ้นต่อไป
นางอำนวย สุทัตโต อสม.ดีเด่นระดับชาติ ชวนคนเลิกบุหรี่ ตามโครงการฯ กล่าวว่า ทำงานรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2555 ใช้ประสบการณ์ที่มีช่วยในการชวนคนเลิกบุหรี่ โดยเริ่มจากชวนคนในครอบครัวที่สูบบุหรี่ให้เลิกเพื่อเป็นต้นแบบ รวมทั้งประชุม อสม.ร่วมค้นหาวิธี ด้วยการนำนวตกรรมข้อความบนกระดาษพร้อมสโลแกนโดนใจที่ อสม.ช่วยกันคิด พร้อมภาพลูกสาว หรือคนที่รัก มีผลต่อจิตใจสูง จัดพิมพ์มอบให้ อสม.ที่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ให้ไปติดไว้บริเวณที่สูบ ทำให้เห็นบ่อยๆ เพื่อเตือนใจ พร้อมใช้จิตวิทยาพูดคุย แนะนำ ควบคู่กับการอมลูกอม น้ำยาบ้านปาก มะนาวทั้งเปลือกและเกลือ ที่ใช้แทนเมื่อเกิดอาการอยากสูบบุหรี่ จนที่สุดคนในครอบครัว อสม. ก็สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จและขยายผลสู่คนในชุมชนมากขึ้น นอกจากยังขยายไปยังโรงเรียน โรงงาน และหน่วยงานราชการในพื้นที่ จนทำให้เกิดคนในตำบลกว่า 50 % สามารถลด ละเลิก บุหรี่ได้ จึงขอให้ อสม.ร่วมทำความดี ช่วยคนเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีและประชาชนห่างไกลบุรี่ได้มากขึ้น .-สำนักข่าวไทย