กาฬสินธุ์ 23 พ.ค.-มะม่วงแก้วขมิ้นแม้จะมีต้นกำเนิดจากกัมพูชา แต่ในไทยสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยคุณภาพ รสชาติไม่ต่างกัน และมีโอกาสขยายตลาดได้มากทั้งในประเทศและเอเชีย เพราะมีความต้องการสูง
ผลวิจัยฉบับสมบูรณ์มะม่วงแก้วขมิ้น ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศกัมพูชา แต่มีการนำมาปลูกที่ไร่บริพัฒน์ ตำบลบึงวิชัย อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ของภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พบว่าคุณภาพ รสชาติและคุณประโยชน์ รวมทั้งขนาดไม่แตกต่างกัน ทำให้เห็นโอกาสทางการตลาดของมะม่วงชนิดนี้สดใสในเอเชียที่มีความต้องการบริโภคสูง
ความพิเศษของสายพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้นจะทนแล้ง ปรับสภาพได้ดี ให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง โดยไม่ต้องหาวิธีเร่งผลนอกฤดู ใช้ระยะเวลาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต 2-3 ปี น่าจะคุ้มกับการลงทุน ด้วยความดกให้ผลโตน้ำหนักดี บางต้นให้ผลผลิตมากถึง 100 กิโลกรัม ส่วนขั้นต่ำอยู่ที่ 40-50 กิโลกรัมต่อต้น
เจ้าของไร่บริพัฒน์บอกว่า ขณะนี้มีพื้นที่ปลูกมะม่วงเกือบ 500 ไร่ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันทางไร่ขายมะม่วงแก้วขมิ้นทั้งส่งและปลีก ขณะที่เกษตรกรและพื้นที่ปลูกมะม่วงแก้วขมิ้นยังมีน้อย จึงไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด หากรัฐสนับสนุนอย่างจริงจังและรวดเร็วอาจจะทำให้ไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ไม่ยาก เพราะนวัตกรรมเกษตรกรรมในประเทศไทยที่ก้าวหน้าจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้นได้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย