รัฐมนตรีพลังงาน สนใจรูปแบบบรรษัทน้ำมันแห่งชาตินอร์เวย์

นอร์เวย์ 22 พ.ค. – รมว.พลังงานสนใจรูปแบบบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ(National Oil Company)ของนอร์เวย์ พร้อมนำมาศึกษาวิเคราะห์เพื่อพิจารณาปรับใช้กับการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมของไทย   


พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางไปยังประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่19พ.ค.2560 ที่ผ่านมาและได้มีการพบปะหารือกับ Ms.Elisabeth Berge นปลัดกระทรวงปิโตรเลียมและพลังงานของนอร์เวย์  โดยสนใจโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีการบริหารจัดการผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ระบบสัมปทานปิโตรเลียม เช่นเดียวกับประเทศไทย และยังคงยืนยันที่จะใช้ระบบสัมปทานในการบริหารจัดการผลประโยชน์ให้กับรัฐต่อไป   ในขณะที่ประเทศไทยล่าสุดมีการแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม เพื่อเพิ่มเติมระบบแบ่งปันผลผลิต หรือ(Production Sharing Contract –PSC) และระบบจ้างบริการ หรือService Contract –SC)ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้ว

ทั้งนี้นอร์เวย์ใช้ระบบสัมปทานในการบริหารจัดการผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมให้กับรัฐ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ประเทศไทยใช้ ตั้งแต่ปี2514 โดยที่มีหน่วยงานในการกำกับดูแลในการออกหลักเกณฑ์และให้ใบอนุญาตสัมปทาน ที่ชื่อ Norwegian Petroleum Directorate   เช่นเดียวกับไทย ที่มีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในขณะที่มีบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ(NOC) ที่ทำหน้าที่เป็น Operator ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมคือ Statoil  เช่นเดียวกับที่ไทยมี ปตท.และปตท.สผ.  แต่Statoil ของนอร์เวย์ในช่วงเริ่มต้นนั้น สามารถเข้าไปร่วมถือหุ้นกับผู้รับสัมปทาน โดยใช้อาจตามกฏหมายการมีส่วนรวมของภาครัฐ ได้ในสัดส่วนที่สูงถึง50% ในแหล่งที่รัฐเห็นว่ามีศักยภาพด้านปิโตรเลียม อีกทั้ง Statoil ยังไม่ต้องจ่ายเงินในช่วงของการสำรวจ  ซึ่งถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงมากที่สุด   โดยในแนวทางดังกล่าวนั้นทำให้ ภาครัฐของนอร์เวย์ มีรายได้จากปิโตรเลียมจำนวนมาก และจัดเก็บเอาไว้ในกองทุน ที่เรียกว่าState’s Direct Financial Interestsหรือ SDFI


หลังจากนั้น ในปี2544 รัฐบาลนอร์เวย์ก็มีการจัดตั้งNOC ที่รัฐถือหุ้น100% ชื่อว่า Petoro  เพื่อมาบริหารจัดการ SDFI  และนำเงินที่สะสมอยู่ใน SDFI มาใช้ลงทุนในแหล่งสัมปทานที่มีศักยภาพด้านปิโตรเลียมร่วมกับผู้รับสัมปทานตามที่กฏหมาย เปิดช่องไว้ให้ในระยะหลัง เงื่อนไขการให้สัมปทานของนอร์เวย์ มีการผ่อนปรนมากขึ้นเพื่อจูงใจผู้ลงทุน โดยนอร์เวย์ ยกเลิกการจัดเก็บค่าภาคหลวง  มาเป็นรูปของภาษีแทน 

โดยเมื่อเปรียบเทียบตั้งแต่ต้นทางจากการผลิตถึงการจำหน่ายมีรายได้และกำไรแล้ว ระบบสัมปทานของไทย รัฐจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ประมาณ70% เอกชนผู้รับสัมปทานได้30% ในขณะที่นอร์เวย์ รัฐได้ผลประโยชน์โดยเฉลี่ยประมาณ40%

ข้อแตกต่างอีกประการภายใต้ระบบสัมปทานระหว่างไทยกับนอร์เวย์ คือในการตัดเลือกเอกชนผู้รับสัมปทาน ของนอร์เวย์จะใช้วิธีเจรจาเพื่อหาเอกชนที่มีเทคโนโลยี มีประสบการณ์ มีแผนงานการสำรวจที่ดี และมั่นใจว่าจะเป็นบริษัทที่ทุ่มเทให้กับการสำรวจจนพลและนำปิโตรเลียมขึ้นมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ไทย การคัดเลือกเอกชนโดยวิธีการประมูลว่าเอกชนรายใดจะ เสนอแผนงานการสำรวจที่เชื่อว่าจะมีโอกาสพบปิโตรเลียมได้มากที่สุด รวมทั้งเสนอแผนเงินคือผลประโยชน์ตอบแทนให้กับรัฐมากที่สุด ประกอบการพิจารณาและให้คะแนน  โดยเอกชนที่ได้คะแนนสูงสุดก็จะได้รับสัมปทานไป


ปัจจุบันภาครัฐของนอร์เวย์ มีรายได้จากผลประโยชน์ปิโตรเลียมจาก3 ทาง คือ1การจัดเก็บภาษีจากผู้รับสัมปทาน 2.จากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทStatoil  ที่หน่วยงานรัฐของนอร์เวย์ถือหุ้นใหญ่ และ3.การกำไรที่รัฐเข้าไปลงทุนร่วมกับผู้รับสัมปทานในแหล่งปิโตรเลียม คือPetoro ที่รัฐ ถือหุ้น100  ซึ่งผลประโยชน์จากปิโตรเลียมดังกล่าวทำให้นอร์เวย์กลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งและมีการจัดสวัสดิการด้านต่างๆให้กับประชาชน ได้ดีที่สุดในอันดับต้นๆของโลก

“จากการหารือกับปลัดกระทรวงปิโตรเลียมและพลังงาน นอร์เวย์ยังยืนยันที่จะใช้ระบบสัมปทานในการบริหารจัดการผลประโยชน์จากแหล่งปิโตรเลียมของนอร์เวย์ต่อไป แต่มีเงื่อนไขที่จูงใจนักลงทุนมากขึ้น เพราะเขาให้ความสำคัญกับการสำรวจแล้วพบปิโตรเลียม ซึ่งรัฐก็จะได้ผลประโยชน์ตามเอกชนไปด้วย   อย่างไรก็ตามโมเดลของนอร์เวย์จะต้องนำมาศึกษาวิเคราะห์ดูว่า มีส่วนใด ที่น่าจะนำมาปรับใช้กับกรณีของประเทศไทยได้  โดยเฉพาะการจัดตั้งNOC ในรูปแบบเฉพาะที่เกี่ยวกับกับการลงทุนเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่การลงไปเป็นโอเปอเรเตอร์เอง อย่างPetoto  ที่ไทยยังไม่มีหน่วยงานในรูปแบบนี้ ก็เป็นโมเดลที่น่าสนใจ “ พลเอกอนันตพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม พลเอกอนันตพร กล่าวว่า แนวคิดการตั้งหน่วยงานในรูปแบบเดียวกับกับPetoro ที่มีรัฐถือหุ้น100% เพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทย   นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการลงทุน ซึ่งถ้าคิดจะตั้งก็ต้องชี้แจงให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้ได้  ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานจัดส่งค่าภาคหลวงที่จัดเก็บได้ให้กับกระทรวงการคลังปีละประมาณ2แสนล้านบาท  โดยในแนวคิดอาจจะกันเงินส่วนนี้ มาใช้สำหรับการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเห็นว่ามีศักยภาพสูง มีความเสี่ยงต่ำ ก็ได้

สำหรับการเปิดประมูลเพื่อหาเอกชนมาดำเนินการในแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่จะหมดอายุในปี2565และ2566 ทั้งเอราวัณ และบงกช นั้น  ส่วนใหญ่น่าจะใช้ระบบสัมปทาน แต่จะมีบางแหล่งที่คิดว่าจะใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]