ก.ล.ต.เริ่มใช้มาตรการทางแพ่งลงโทษครั้งแรก

กรุงเทพฯ  22 พ.ค. –  ก.ล.ต.เริ่มใช้มาตรการทางแพ่งลงโทษอดีตผู้จัดการกองทุนรวมฐานอาศัยข้อมูลภายในรายแรก


นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งเป็นครั้งแรกในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด หลังจากที่กฎหมายหลักทรัพย์ฉบับที่ 5 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2559 โดยมาตรการลงโทษทางแพ่งเป็นช่องทางการบังคับใช้กฎหมายอีกช่องทางหนึ่งนอกจากการดำเนินการทางอาญา เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ค.ม.พ. ประกอบด้วย อัยการสูงสุดเป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และเลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นกรรมการ เป็นผู้พิจารณาว่าสมควรนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้หรือไม่ และการที่องค์ประกอบของ ค.ม.พ. ส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นอิสระจาก ก.ล.ต. จึงเชื่อมั่นได้ว่าการพิจารณาของ ค.ม.พ. เป็นไปด้วยความรอบคอบและเป็นธรรม  ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดถือเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป 

สำหรับประเภทความผิดที่สามารถดำเนินการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น ใช้ข้อมูลภายใน บอกกล่าวข้อมูลเท็จหรือคาดการณ์เท็จ) การแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดข้อความจริงในเอกสารที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด (fiduciary duty) การใช้หรือยอมให้ใช้บัญชีในการกระทำความผิดในกลุ่ม การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์


ส่วนมาตรการลงโทษทางแพ่งมี 5 ประเภท ได้แก่ (1) ค่าปรับทางแพ่ง (2) การชดใช้เงินเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับไปจากการกระทำความผิด (3) การห้ามเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กำหนด สูงสุดไม่เกิน 5 ปี (4) ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กำหนด สูงสุดไม่เกิน 10 ปี และ (5) การชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคืนให้กับ ก.ล.ต.-สำนักข่าวไทย

ทั้งนี้ ก.ล.ต.เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่แก้ไขใหม่ นายยิ่งอนันต์ วงศ์ศิริเดช ในความผิดฐานแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการทำหน้าที่ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ศาลาแอทสาทร (SSPF) ที่ซื้อหลักทรัพย์ SSPF โดยอาศัยข้อมูลภายใน ได้แก่ ส่งคืนผลกำไรที่ได้รับจากการกระทำผิด 1.38 ล้านบาท และชำระค่าปรับทางแพ่ง 1.73 ล้านบาท  นอกจากนี้ ก.ล.ต.สั่งห้ามไม่ให้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมหรือปฏิบัติงานของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 5 ปี  รวมทั้งผู้สนับสนุน 2 ราย คือ นางสาวกีรรัตน์ วิภูสุพรรณ์ และนางสาวศรัญญา เข็มทอง ได้ชำระค่าปรับทางแพ่งเป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท 

นอกจากนี้  ก.ล.ต.อาศัยอำนาจตามประกาศคณะกรรมการตลาดทุน ที่ ทลธ. 8/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2557 เพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมของนายยิ่งอนันต์ และจะไม่รับพิจารณาคำขอเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายยิ่งอนันต์จนกว่าจะพ้น 5 ปี.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

เปิดปมสังหารยกครัว 4 ศพ แค้นชู้สาว

เปิดปมเหตุสลดฆ่ายกครัว 3 ศพ ก่อนผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเป็นศพที่ 4 ใน จ.สมุทรปราการ พบข้อมูลว่าความแค้นครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาว แต่ลูกชายของผู้ตายยังไม่เชื่อว่าแม่มีความสัมพันธ์กับมือปืน แต่ยอมรับมือปืนให้เงินแม่ใช้ทุกวัน

ศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” ชี้พฤติการณ์ร้ายเเรง

ทนายเผยศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” เพราะพฤติการณ์ร้ายเเรง เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกัน ด้าน “แม่สามารถ” วอนผู้มีอำนาจอย่าเอาความลูกชายตน ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม