ตลท. 18 พ.ค. – หุ้นไทยลดลง 2.41 จุด ทิศทางเดียวกับต่างประเทศ กังวลปัญหาการเมืองสหรัฐ ด้าน ก.ล.ต.ชี้ผู้บริหาร บจ.ขาดคุณสมบัติมี 2 กรณี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (18 พ.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดที่ระดับ 1,545.88 จุด ลดลง 2.41 จุด หรือร้อยละ 0.16 มูลค่าการซื้อขาย 38,059.35 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แตะจุดสูงสุดที่ 1,548.60 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,541.22 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศจากความกังวลปัญหาการเมืองสหรัฐ หลังจากมีข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ แทรกแซงการทำงานของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของนายทรัมป์ ส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้มีมากขึ้น
ด้านประเภทนักลงทุน สถาบัน ซื้อสุทธิ 215.75 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 101.73 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,053.06 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,735.59 ล้านบาท
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่าสืบเนื่องจากกรณีการออกหมายเรียกผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งที่อาจจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงินว่ามีส่วนเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น ขอเรียนว่าอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าของประเด็นดังกล่าว จึงอาจยังไม่สามารถชี้ได้ว่าจะมีส่วนใดที่มีผลกระทบต่อกฎเกณฑ์ตามกฎหมายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.การดำรงคุณสมบัติในการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนั้น ในกรณีที่เป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำผิดตามกฎหมายอื่น การขาดคุณสมบัติจะเกิดขึ้นเมื่อเข้ากรณีใดใน 2 กรณี คือ 1.ถูกศาลพิพากษามีคำสั่งถึงที่สุดให้ยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน หรือ 2.ถูกห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารตามกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลสถาบันการเงิน .-สำนักข่าวไทย