fbpx

เสนอ สตช.สังกัดกระทรวงยุติธรรม

รัฐสภา 18 พ.ค.- อนุกรรมการปฏิรูปตำรวจ สนช.-สปท. เตรียมส่งแผนปฏิรูปตำรวจไปยังรัฐบาล  เสนอให้ สตช. เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม การแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องยึดหลักอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานระหว่าง สนช. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ( สปท.) เป็นประธานเปิดการแถลงข่าวผลการพิจารณาศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ระหว่าง สนช. และ สปท. 

พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ เปิดเผยข้อเสนอการปฏิรูปตำรวจที่เตรียมจะส่งไปยังรัฐบาล เพื่อดำเนินการต่อไปว่า  ได้เสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้การทำงานร่วมกับตำรวจ อัยการ ศาล มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และบูรณาการกับหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยให้วุฒิสภา ( ส.ว.) ควบคุมการบริหารงานผ่านการพิจารณาประจำปี 


พล.ต.ท.บุญเรือง กล่าวว่า ส่วนการโยกย้าย และแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้น จะต้องนำผลการศึกษาอบรมมาใช้เป็นข้อมูลประกอบ เพื่อคัดกรองบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยวางหลักเกณฑ์กลางในการเลื่อนตำแหน่ง ที่จะต้องยึดหลักอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และจะต้องดำรงตำแหน่งในโรงพัก และทำคดีไม่น้อยกว่า 70 คดี หรือด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่น้อยกว่า 2 ปี เว้นแต่ เป็นบุคคลที่สอบได้ลำดับที่ 1 ของแต่ละรุ่นในหลักสูตรสารวัตร, ผู้กำกับ หรือในหลักสูตรบริหารงานตำรวจขั้นสูง ที่จะได้สิทธิเลื่อนตำแหน่ง เมื่อมีคุณสมบัติพื้นฐานครบ 

พล.ต.ท.บุญเรือง ยังกล่าวถึง การลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดประพฤติมิชอบว่า จะต้องลงโทษจริงจัง และพิจารณาข้อบกพร่องของผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลย สำหรับเครื่องมือในการทำงานนั้น จะต้องสนับสนุนให้เหมาะสม เพื่อให้ตำรวจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสวัสดิการอัตราเงินเดือนและสวัสดิการอื่น ๆ จะต้องให้เพียงพอแก่การดำรงชีพ เลี้ยงครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โดยไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สินพ้นตัว 

ทั้งนี้ อนุกรรมาการฯ ได้ตั้งเป้าหมายว่า การปฏิรูปตำรวจภายใน 1 ปีแรกนั้น การคัดเลือกบุคคลเพื่อเป็นตำรวจ จะต้องมีวิธีและรูปแบบที่เหมาะสม ทั้งความประพฤติ ทัศนคติและจิตใจ  และปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ กตร. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. จะต้องมีธรรมาภิบาล 


การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. นั้น จะต้องคำนึงถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และจะต้องแต่งตั้งตามวาระประจำปีอย่างเคร่งครัด ภายใน 3 ปี และจะต้องขยายงานสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด และโรงพักให้ได้ไม่ร้อยกว่าร้อยละ 70 และนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาตรวจสอบ เพื่อลดการทุจริตคอร์รับชัน พร้อมเร่งพัฒนาระบบกล้องวงจรปิดตามท้องถนน และระบบออนไลน์ให้ได้ 100 เปอร์เซ็น ภายใน 5 ปี เนื่องจากหลายคดี สามารถติดตามคนร้ายได้จากกล้องวงจรปิด เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เศร้ารับวันแรงงาน! โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน

พนักงานโรงงานผลิตกระจกเก่าแก่ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการฯ จ.สมุทรปราการ ให้นายจ้างจ่ายชดเชยตามกฎหมาย หลังโรงงานติดประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

“อธิบดีกรมโรงงาน” ลาออกแล้ว ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้

“จุลพงษ์ ทวีศรี” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออก ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้ เจ้าตัวเผยน่าจะมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้บริหารจะได้หาคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน

ข่าวแนะนำ

รัฐมนตรีใหม่เข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR

รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR เตรียมความพร้อมก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณพรุ่งนี้ ด้าน “พิชัย” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ บอกไม่จำเป็นต้องดูห้องทำงานรองนายกฯ บนตึกบัญชาการ เพราะคุ้นเคยอยู่แล้ว

อากาศร้อนจัด “รางรถไฟโก่งคด” ช่วงร่อนพิบูลย์ 

การรถไฟฯ ชี้แจงเหตุรางรถไฟระหว่างสถานีร่อนพิบูลย์ – สถานีชุมทางเขาชุมทองมีลักษณะคดงอ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สามารถแก้ไขและเดินขบวนรถได้ตามปกติ

คุมได้แล้วไฟไหม้โกดังสารเคมี-ปิด รพ.ภาชี ชั่วคราว

คุมได้แล้วไฟไหม้โกดังสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ด้าน รพ.ภาชี ปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ