ร้อง ยธ.คดีรถชนภรรยา-ลูก ไม่คืบหน้า

ยธ.11พ.ค.-สามีร้อง ยธ.เร่งรัดความคืบหน้าคดี  หลังภรรยาและลูกถูกวัยรุ่นชายอายุ18 ปี ขับรถชน   โดยภรรยาเสียชีวิต ส่วนลูกชายอาการสาหัส  


จากกรณีวัยรุ่นชาย อายุ 18 ปี ขับรถเบนซ์ไปชนรถเก๋ง 2 คัน บริเวณถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษกย่านคู้บอน จนเป็นเหตุให้นางนุจิรา คชายนต์ อายุ 37ปีเสียชีวิต ขณะกำลังขับรถส่งลูกไปโรงเรียน ส่วนบุตรชายอายุ 7 ปีนั้น อาการสาหัส เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยคู่กรณีได้ประกาศผ่านสื่อว่า จะดูแลครอบครัวของผู้เสียหายให้ถึงที่สุดนั้น


ความคืบหน้าล่าสุด ครอบครัวผู้เสียหายได้ออกมาระบุว่าไม่ได้รับการดูแล เยียวยาจากคู่กรณีตามที่ประกาศไว้  อีกทั้งอาการของลูกชายยังคงโคม่า ไม่รู้สึกตัวเหตุจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก รวมทั้งคดีก็ไม่มีความคืบหน้า โดยวันนี้ (11พ.ค.) นายวงค์ศิริ คชายนต์ อายุ35 ปี สามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พร้อมมอบเอกสาร หลักฐาน เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดความคืบหน้าของคดี หลังเรื่องเกิดขึ้นมาเกือบ 2 เดือนคดียัง   ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด  


นายวงค์ศิริ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องได้พยายามติดต่อทาง สน.คันนายาว เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทางตำรวจตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ว่า  “ตามนั้นๆ” และยังไม่มีการเรียกไปสอบ ปากคำแม้แต่ครั้งเดียว  ทำให้ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานไปร้องเรียนเรื่องการช่วยเหลือได้ จึงอยากขอให้ทางรองปลัด ยธ.ช่วยเหลือเรื่องการเร่งรัดในคดีของทางตำรวจ 

ส่วนการให้ความช่วยเหลือของครอบครัวหนุ่มวัย 18 ผู้ขับเบนซ์ชน  ตั้งแต่เกิดเรื่อง ได้ช่วยคำทำศพจำนวน 60,000 บาท จากนั้นมีการนัดพูดคุยที่สถานีตำรวจจำนวน 3 ครั้ง ซึ่งหลังจากงานศพและได้พบกันที่ สน. ทางครอบครัวคู่กรณีก็ไม่เคยสอบถามอาการเด็กหรือถามว่า ต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง เพราะตนต้องลาออกจากงานตั้งแต่ช่วงเกิดเรื่อง เพื่อมาดูแลลูกชาย  เนื่องจากแพทย์ระบุว่า สมองได้รับการกระทบกระเทือนทำให้อาการสาหัส ปัจจุบันยังคงไม่สามารถตอบได้ว่าลูกรับรู้อะไรหรือไม่ โดยแพทย์ได้แต่ให้ทำกายภาพบำบัด และทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ญาติผู้ชายเฝ้าไข้ ทำให้ต้องเดินทางไปกลับบ้านระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตรทุกวัน (รพ.เด็ก อนุสาวรีย์ชัย – มีนบุรี) 

รวมทั้งต้องปรับปรุงบ้านใหม่เพื่อดูแลลูกหลังออกจากโรงพยาบาลด้วย  ตนจึงตัดสินใจติดต่อไปยังครอบครัวเด็ก 18 ทางครอบครัวระบุกลับมาว่า เห็นว่าทางตนไม่เสนอความช่วยเหลือไป จึงไม่กล้าช่วย จึงระบุว่า จะต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาลูก และตกแต่งบ้านเพื่อรับรองลูก ทางครอบครัวหนุ่ม 18 ได้โอนมาให้เพิ่มรวมอีก 93,000 บาท 

ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะรับลูกชายของตนเป็นบุตนบุตรธรรม ส่วนตัวคงไม่คาดหวัง เพราะขนาดการเจราช่วยเหลือยังไม่มีความคืบหน้า จากนี้คงต้องต่อสู้กันตามกฎหมาย  สำหรับหนุ่มวัย 18 ที่ขับเบนซ์คู่กรณี เคยเจอเพียงครั้งเดียวที่ สน. มายกมือไหว้ตน  แต่ก็ไม่เคยขอโทษถึงสิ่งที่ทำ ทราบเพียงแต่ว่า ไปบวชมา 7 หรือ 10 วัน ให้ภรรยาเท่านั้น

ด้านรองปลัดยุติธรรม กล่าวภายหลังรับเรื่องว่า จะดำเนินการประสานกับผกก.สน.คันนายาว เพื่อขอให้เร่งรัดดูแล ติดตามความยุติธรรมในคดีนี้ ส่วนการสืบสวนสอบสวนคงเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทั้งนี้จะติดตามความคืบหน้า ช่วยเหลือให้ดีที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้