พระนครศรีอยุธยา 9 พ.ค.-ประณาม! ไกด์ทัวร์จีนพานักท่องเที่ยวปีนกำแพงโบราณสถาน ชี้ทำภาพลักษณ์เสียหายหนัก ด้านตำรวจท่องเที่ยวลุยเอาผิด จ่อประสานให้พักใช้ใบอนุญาต
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปเหตุการณ์มัคคุเทศก์พานักท่องเที่ยวชาวจีนปีนกำแพงโบราณสถานเพื่อเข้าไปในวัดพระศรีสรรเพชญ์ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้เสียค่าเข้าชม แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามพร้อมทั้งชี้แจงข้อปฏิบัติกลับบอก “เดี๋ยวกลับออกมาจ่าย” สุดท้ายยินยอมจ่ายค่าเข้าชม จนคลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนัก
ส.ต.ต.กรณ์ รัตนจันทร์ ผบ.หมู่ (ป.) สายตรวจจักรยาน สภ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปเปิดเผยว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ ส.ต.ต.ปริพัตร เพี้ยมแดง ผบ.หมู่ ป. สภ.พระนครศรีอยุธยา ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจจักรยานพร้อมกำลังอาสาได้ออก ตรวจบริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ได้พบเห็นมัคคุเทศก์พากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนปีนกำแพงด้านติดกับลานจอดรถอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ซึ่งด้านนั้นเป็นประตูปิดตายและโดยรอบเป็นกำแพงโบราณสถาน เพื่อเข้าไปในวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยไม่ได้ซื้อบัตรเข้าชมวัด สายตรวจจักรยานจึงทำการแจ้งให้ซื้อบัตร ก่อนเข้าชมวัด มัคคุเทศก์คนดังกล่าวแจ้งกลับมาว่า เข้าวัดก่อนเดี๋ยวจะกลับมาซื้อบัตรเอง มัคคุเทศก์ได้พยายามเดินเข้าไปในวัด สายตรวจจักรยานจึงพยายามบอกกล่าวให้ไปซื้อบัตรก่อนเข้าชมวัดก่อนหลายครั้งจน มัคคุเทศก์จึงเดินไปซื้อบัตรในที่สุด
จากการตรวจสอบ พบว่ามีใบอนุญาตมัคคุเทศก์ จึงประสานนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งเรื่องไปยังนายทะเบียนสาขาที่มัคคุเทศก์คนดังกล่าวขึ้นทะเบียนอยู่ ให้เรียกตัวมาชี้แจง และดำเนินการตามอำนาจต่อไป ล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ นายเอกสรา สืบสหภพ นักพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จักรพันธ์ ธูปะเตมีย์ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ติดตามตัวไกด์ที่นำนักท่องเที่ยวชาวจีน รวม 34 คน ปีนกำแพงเข้าไปชมโบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ แม้ว่าจะออกมาซื้อตั๋วแล้วก็ตาม ถือว่ามีความผิดในการกระทำความผิดตามมาตรา 88 ที่ระบุว่ามัคคุเทศก์ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 51 ที่ระบุถึงอาชีพและหน้าที่ของไกด์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว
ด้านนายเอกสรา เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนายทะเบียนของการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากเป็นผู้ออกบัตรและรับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับมัคคุเทศน์ ซึ่งหากพบตัวก็ต้องเชิญมาสอบสวนให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี และอาจจะต้องมีการเสนอพักใบอนุญาตการทำหน้าที่ของไกด์ เนื่องจากเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายของไกด์ด้วยกัน และสร้างความเสียหายให้กับสถานที่ท่องเที่ยว
นายอิสสระพงศ์ แทนศิริ ผอ.ททท. สำนักงานพระนครศรีอยุธยา บอกว่าตนเห็นด้วยที่จะต้องเรียกไกด์คนดังกล่าวมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการลงโทษ เนื่องจากไม่เคารพในอาชีพตนเอง และยังไม่เคยรพสถานที่ ที่สำคัญเมื่อเป็นไกด์ก็ต้องมีหน้าที่ และต้องรู้ว่าควรทำอะไร การทำเช่นนี้เป็นการทำลายอาชีพตนเอง และไม่เคารพสถานที่ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ให้กับนักท่องเที่ยวอาจจะจดจำหรือไปเล่าต่อ ซึ่งนอกจากนี้ตนเชื่อว่านอกจากเรื่องมักง่ายแล้ว อาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เซฟเงินที่จะต้องซื้อตั๋วให้กับนักท่องเที่ยวหรือเปล่า จึงไม่ซื้อตั๋ว เพื่อเก็บเงินส่วนนี้ไว้เอง นับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี.-สำนักข่าวไทย