กทม. 8 พ.ค. – รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ย้ำต่อเวทีการสัมนาโครงการความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-ฮ่องกง ภายใต้นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมหรือ (One Belt One Road) ระหว่างไทยและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จึงได้จัดสัมมนาการลงทุนไทย-ฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ โดยมีกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม บีโอไอ พร้อมด้วยนักธุรกิจทั้งจากฝั่งไทยและฮ่องกงเข้าร่วมเสนอแนะและรับฟังนโยบายจำนวนมาก เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนของไทยกับจีนตอนใต้ รองรับยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 และ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ของไทย เพื่อเชิญชวนภาคเอกชนให้มาลงทุนภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) มากขึ้นในอนาคต
หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อหารือผู้บริหารภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวมทั้งสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในวันนี้ สภาพัฒนาการค้าฮ่องกง จึงเดินทางมาเยือนไทยตามคำเชิญของรัฐบาล เนื่องจากฮ่องกงนำเข้าสินค้าจากไทยกว่า 400,000 ล้านบาท จึงถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ สานต่อนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) หรือโครงการเส้นทางสายไหมเดิมของจีน เพื่อขยายเส้นทางสู่ทางทะเลของอาเซียน จึงสนใจมาลงทุนในอีอีซีของไทย ในการพัฒนาให้เป็นมหานครแห่งอนาคต เป็นทั้งศูนย์กลางแห่งการจัดตั้งวิสาหกิจ การค้า การลงทุน การขนส่งของภูมิภาค แหล่งท่องเที่ยว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-ฮ่องกง-จีน โดยมีนักลงทุนจีน-ฮ่องกง เข้ามาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยฮ่องกงเป็นนักลงทุนใหญ่อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภูมิภาค ไทยจึงเดินหน้าพัฒนาเขตเศรษฐกิจอีอีซี เพื่อต้องการรองรับการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงนอกจากอีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อเชื่อมโยงกับจีนผ่านการสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา การพัฒนาดิจิทัลปาร์ค โดยเฉพาะภาคอสังริมทรัพย์ ซึ่งจะเติบโตตามเส้นทางรถไฟฟ้า ถือว่าฮ่องกงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และมีความเชี่ยวชาญด้านเอสเอ็มอี จึงพร้อมเข้ามาลงทุนมากขึ้น มั่นใจว่านักลงทุนฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ จะเป็นพันธมิตรกับไทยเป็นอย่างดี จึงเชิญฮ่องกงมาตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย . -สำนักข่าวไทย