6 พ.ค. – ยังเป็นประเด็นต่อเนื่องกรณีของ “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ล่าสุด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยมีการเพิกถอนหนังสือเดินทางของนานวรยุทธ แล้ว
นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่าหลังกระทรวงการต่างประเทศได้รับการประสานอย่างเป็นทางการ จากตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดกรมการกงสุลได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายวรยุทธแล้ว ซึ่งเป็นการพิจารณาตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 และเป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับกรณีของคดีอาญาทั่วไป โดยหลังจากนี้ทางกระทรวงฯ จะบันทึกเข้าในระบบว่าหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ ถูกยกเลิก ทำให้ไม่สามารถใช้ในการเดินทางเข้าประเทศอื่นๆได้ แต่หากนายวรยุทธ อยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งแล้ว ก็จะกลายเป็นบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมายซึ่งจะถูกดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ในส่วนความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนใหญ่ดำเนินการไปครบทั้งหมดแล้ว เช่น การแปลหมายจับเพื่อส่งให้ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล นำไปตรวจสอบถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา ส่วนที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่ คือ การช่วยค้นหาถิ่นที่อยู่ที่แน่ชัดของผู้ต้องหา ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นายวรยุทธกลับเข้าไทยเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2560 และเดินทางออกไปเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ รองผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมรวบรวมเอกสารหลักฐานในคดีนี้ แปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่งไปยังองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ตำรวจสากล สำนักงานใหญ่ที่ฝรั่งเศส เพื่อพิจารณาในการออกหมายน้ำเงิน และให้ประเทศสมาชิก 190 ประเทศ ช่วยตรวจสอบข้อมูลถิ่นที่พำนักของนายวรยุทธให้ชัดเจน หลังก่อนหน้านี้ ประสานไปยังตำรวจสากลอังกฤษและสิงคโปร์ พบว่านายวรยุทธเดินทางออกจากทั้งสองประเทศไปแล้วแต่ยังไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาการพิจารณาที่แน่นอนได้ ซึ่งหากได้ผลการพิจารณา ทางตำรวจสากลสำนักงานใหญ่ จะแจ้งกลับมายังตำรวจสากลไทย ก่อนแจ้งสมาชิกตำรวจสากลทั่วโลกช่วยตรวจสอบ หากพบตัวจะมีการส่งเรื่องกลับให้ตำรวจสากลไทย ประมวลเรื่องในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังอัยการฝ่ายต่างประเทศ เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศที่พบตัวต่อไป. -สำนักข่าวไทย