รองนายกฯสมคิด ดึงเอกชนร่วมส่งเสริมเอสเอ็มอีรายย่อย

ศูนย์ประชุมสิริกิติ์  5 พฤษภาคม – รองนายกฯสมคิด ดึงพันธมิตรเอกชน 60 หน่วยงาน  ร่วมส่งเสริมเอสเอ็มอี รายย่อยผ่าน 3 กองทุน และแบงก์รัฐกว่า 37,000 ล้านบาท หนุน  SMEs Start up และ Social Enterprise เสริมทุนขยายกิจการ   


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs  Startup และ Social Enterprise เนื่องจากรัฐบาลต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจฐานราก ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวจึงต้องสร้างสมดุลให้เศรษฐกิจฐานราก  รัฐบาลเตรียมดึงเอกชนรายใหญ่ที่มีศักยภาพ  มาส่งเสริมเอสเอ็มอี รายย่อย และชาวบ้านในชนบท มาอบรมสอนความรู้ด้านอาชีพให้ชาวบ้านในชนบท ทั้ง รปภ. ช่างพื้นฐานทั่ว ประปา ไฟฟ้า  เพื่อรับจ้าง สร้างอาชีพเสริมในท้องถิ่นให้ชุมชนหารายได้เพิ่ม รองรับการสร้างสวัสดิการแก้ผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลซึ่งกำลังเปิดลงทะเบียน  ทั้งนี้ยอมรับว่าขณะนี้เศรษฐกิจเร่ิมดีขึ้น เมื่อต้องการให้จีดีพีขยายตัวได้ดี จึงต้องสร้างกำลังซื้อให้ระดับชุมชนและเกษตรกร 

อีกทั้งมองว่าไม่เกิน 5 ปี ระบบฟินเทคเร่ิมเกิดขึ้นอย่างมาก  เช่น ในต่างชาติ เร่ิมให้สินเชื่อผ่านเครือข่ายตนเองผ่านฟินเทคแทนแบงก์ หากแบงก์ไม่ปรับตัวอยู่ลำบาก จึงต้องมือระหว่างรัฐเอกชน  กำชับให้สสว.จับมือร่วมกับเอสเอ็มอีแบงก์ หาทางให้สินเชื่อเข้าสู่ระบบมากขึ้น ธ.ออมสิน เร่งรัดสินเชื่อให้รายย่อย ส่วน ธ.ก.ส.ช่วยเหลือส่งเสริมอาชีพ และรัฐบาลต้องการเน้นเรื่องการเพิ่มทุนให้เพียงพอ ผ่านกองทุนร่วมลงทุน จากนั้นแบงก์รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือสินเชื่อ เพราะขณะนี้เอสเอ็มอีต้องการทุนเพื่อขยายกิจการ รัฐบาลต้องการให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันสนับสนุนรากหญ้าให้มีกำลังซื้อ


รัฐมนตรีอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมได้วางกรอบการส่งเสริมและพัฒนา SMEs ปี 2560 เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือ  SMEs อย่างครบวงจรในทุกมิติ  ทั้งในด้านการช่วยเหลือทางการเงิน และการพัฒนาด้านอื่นๆ เช่น การเพิ่มผลิตภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด ในส่วนการเสริมทุนรองรับขยายกิจการ ผ่านเงินทุน 37,000 ล้านบาท ผ่านโครงการต่างๆ  เร่ิมจากการช่วยเหลือย่อย เอสเอ็มอีตัวเล็ก เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยขนาดเล็กมาก (Micro) เป็นผู้ประกอบการายเดียวมีการจ้างงานไม่เกิน 5 คน เพื่อใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอีของ สสว. วงเงิน 2,000 ล้านบาท มาให้กู้ยืมแก่ Micro SME และวิสาหกิจชุมชน วงเงินรวม 500 ล้านบาท รายละไม่เกิน 2 แสนบาท  ไม่คิดดอกเบี้ย ระยะเวลากู้ 10 ปี  คาดว่าจะมีจำนวนผู้รับประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 2,500 ราย เมื่อเป็นรายย่อยโตขึ้นแต่ยังไม่จดทะเบียน ยังมีเงินกู้ ปล่อยกู้ 6 แสนบาทต่อราย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป้าหมาย 1,500 ราย

เร่งรัดการปล่อยสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ 20,000 ล้านบาท  ขณะนี้ได้จัดทำหลักเกณฑ์เสร็จแล้ว เตรียมเริ่มปล่อยกู้ได้ในช่วงปลาย พ.ค.  คาดว่าช่วยเหลือ SMEs รายที่มีศักยภาพได้กว่า 5,000 ราย เมื่อรัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จะเร่ิมปล่อยสินเชื่อ  เพื่อให้คณะกรรมการจังหวัดพิจารณาปล่อยสินเชื่อในอาชีพเป้าหมาย  ทั้งด้านท่องเที่ยวชุมชน สินค้าโอท็อบ หากต้องการขยายด้านเทคโนโลยี ยกระดับเอสเอ็มอี ขอสินเชื่อ SME Transformation Loan 15,000 ล้านบาท ของเอสเอ็มอีแบงก์  คาดว่าจะช่วยเหลือ SMEs ได้อีก 3,000 ราย เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน  รัฐบาลต้องการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เช่น การพัฒนาตลาดต้องชม -รวมพล เอสเอ็มอี ทั่วประเทศ   โดย สสว.สนับสนุนสนิชเื่อรายละไม่เกิน 2 แสนบาท ต้องสร้างให้ได้จากเดิม 200 แห่ง เพิ่มอีกกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ เนื่องจาก LAZADA เมื่อเข้ามาคัดสินค้าคุณภาพ เพื่อทำตลาดออกสู่ตลาดโลก โดยอาลีบาบา ให้ความสำคัญมาก 

นอกจากนี้ ยังมี โครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าของ Micro SMEs และวิสาหกิจชุมชน ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดวงเงิน 100 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าถึง Micro SMEs และวิสาหกิจชุมชนได้ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย เนื่องจากทุนเป็นกำลังหลักสำคัญในการขยายกิจการ   และในระหว่างนักลงทุนฮ่องกง มาเยือนไทยสัปดาห์หน้า ได้เตรียมจัดลงนามร่วมกันทั้ง สสว.และHKTDC ผ่านกองทุน  Matching Fund 200 ล้านบาท สร้างความร่วมมือทั้งนักลงทุนไทยและฮ่องกง หวังผลักดันให้โกอินเตอร์ไปอีกก้าวหนึ่ง   


นอกจากนี้ได้มีแผนการจัดงาน ASEAN SMEs Shift Up 2017 : CONNECTION จัดขึ้นในปลายเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อยกระดับความรู้ ความสามารถ และสร้างโอกาส SMEs ในภูมิภาคอาเซียนและสร้างเครือข่ายความเข้มแข็งและความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสู้กับการแข่งขันในตลาดโลก กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ในการจัดงานครั้งนี้ประมาณ 20 ล้านคน  เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูล รวมถึงการค้าขายผ่านช่องทางต่างๆระหว่างประเทศ 3) งานแสดงสินค้า (Exhibition) จัดแสดงสินค้าที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ รวมถึงเทรนด์ใหม่ล่าสุดโดยเน้น กลุ่มอุตสาหกรรมด้าน CREATIVE อาทิ แฟชั่น สปา สินค้าตกแต่ง การจัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนความรู้ CLMV (CLMV Knowledge Exchange)ผลที่จะได้รับ ก่อให้เกิดธุรกิจร่วมกันในงานกว่าพันล้านบาท เพื่อสร้างให้จดจำว่าเมื่อนึกถึงเอสเอ็มอีต้องนึกถึงกาารจัดงาน ASEAN SME Shift Up  

นายสมคิด กล่าวย้ำว่า ในจันทร์สัปดาห์หน้า สภาการค้าแห่งฮ่องกง (HKTDC) เตรียมนำนักธุรกิจกว่า 60 รายเข้ามาหารือกับไทย จึงต้องการดึงเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาคในประเทศไทย เนื่องจากฮ่องกงมีชื่อเสียงด้านเอสเอ็มอี จึงต้องการให้เอกชนไทยเข้ามาเจรจากับพันธมิตรฮ่องกง 

นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้เตรียมนำเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพมาพัฒนา 250 ราย เพื่อเพิ่มยอดขายร้อยเปอร์เซ็นต์จากเดิม หวังดูแลทั้งด้านตลาดอีคอมเมิชย์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่นผ่านโครงการไทยเท่ เพื่อร่วมมร้างกระแส ทั้งการสวมใส่เสื้อท้องถิ่น แล้วถ่ายรูปโชว์ในโซเชียล การส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ สถานที่สำคัญ การช้อบ ชิมอาหารดังในต่างจังหวัด และจัดประชุมย่อย ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวไทยมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย