ยธ.28 เม.ย.-รมว.ยุติธรรม ยืนยันไม่ส่งผลกระทบกับดีเอสไอ หลัง ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่…. ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มอำนาจการดักฟังข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ …) ซึ่งเกี่ยวกับการให้อำนาจการเข้าถึงพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในร่างมีเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มอำนาจการดักฟังข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ว่าเรื่องนี้ที่ ครม.เห็นชอบ เนื่องจากต้องการให้อำนาจตำรวจ ในการใช้หาหลักฐานในการดำเนินคดีสำคัญๆ ในอนาคต ถามว่าจะส่งผลกระทบกับดีเอสไอหรือไม่ ตอบได้ว่า คงไม่เกี่ยว ดีเอสไอ เองก็มี พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ ที่ให้อำนาจทำในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจกฎหมายที่มี
พร้อมยอมรับว่า แม้ในอดีตดีเอสไอเป็นหน่วยงานเดียวใช้กฎหมายการดักฟังได้ แต่เมื่อมีกฎหมายนี้ออกมาก็จะไม่เป็นลดทอน หรือจะมาถ่วงดุลอำนาจของดีเอสไอแน่นอน เพราะทั้งสองหน่วยงานมีเจตนาต้องการให้คดีอาญามีพยานหลักฐานที่หนักแน่น เชื่อถือได้ ในส่วนของดีเอสไอ ก็มีอำนาจในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ แต่ในส่วนการปรับกฎหมายในส่วนของตำรวจ เนื่องจากอำนาจในเรื่องนี้อาจจะยังไม่ชัดเจน การปรับแก้ก็เพื่อให้ตำรวจมีอำนาจที่ชัดเจน
“พวกเราต้องเข้าใจก่อนว่างานของตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีพรหมแดนกันอยู่ งานของกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นงานที่กระทบคนในวงกว้าง สลับซับซ้อน ขอบเขตงานมีอยู่แล้วว่าเป็นคดีเกี่ยวกับอะไรบ้าง ส่วนที่เหลือเป็นคดีของตำรวจ แต่ทั้สองหน่วยมีจุดมุ่งหมายไปที่การหาคนกระทำความผิดมาลงโทษ การหาพยานหลักฐานไปต่อสู้ในศาลจึงเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้เข้าใจในตรงนี้” รัฐมนตรียุติธรรมกล่าว
นอกจากนี้ นายสุวพันธุ์ ได้ปฎิเสธว่าเหตุใดทางตำรวจเพิ่งจะมาเสนอแก้ไขกฎหมายเรื่องดังกล่าวในช่วงเวลานี้ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ส่วนตัวไม่ทราบ และคงไม่สามารถตอบแทนตำรวจได้ เรื่องนี้ทางตำรวจเป็นฝ่ายเสนอ.-สำนักข่าวไทย