นนทบุรี 22 เม.ย. – รมว.พาณิชย์ปลื้มหลายโครงการช่วยลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจประเทศกำลังขยายตัวต่อเนื่อง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินงานพาณิชย์ภาคเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนสามารถเชื่อมโยงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพลดปัญหาการกระจุกตัวของสินค้าที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลและราคาตกต่ำ ช่วยเกษตรกรขายผลผลิตราคาดี เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุม 20 จังหวัด รายได้ของเกษตรกรและรายได้ภาคบริการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ด้านการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ได้มีการจัดงานธงฟ้า เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 65 ครั้ง ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าราคาพิเศษ รวม 14.55 ล้านบาท สามารถลดค่าครองชีพได้ 5.4 ล้านบาท มีการจัดตั้งร้านหนูณิชย์พาชิม เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคอาหารประจำวัน ซึ่งขณะนี้มีร้านหนูณิชย์พาชิม 2,480 ร้าน และร้านธงฟ้า 230 ร้าน ส่วนการส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากส่งเสริมให้มีการจัดตั้งตลาดต้องชม ตลาดชุมชน และย่านการค้าเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีตลาดต้องชม 14 แห่ง และมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้มีตลาดต้องชมเพิ่มขึ้นปี 2560 อีก 11 แห่ง คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ มีจังหวัดที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านกัมพูชาและ สปป.ลาว มีมูลค่าการค้าปีละประมาณ 169,000 ล้านบาท ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจังหวัดบึงกาฬเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมในพื้นที่ระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว และเวียดนาม เป็นกิจกรรม “3 ประเทศ 9 จังหวัด” (สกลนคร หนองคาย นครพนม บึงกาฬ คำม่วน บอลิคำไซ กวางบิงห์ ฮาติงห์ เหงะอาน) โดยมีการประชุมผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดส่งเสริมการใช้เส้นทางติดต่อค้าขายระหว่างกันเส้นทาง R8 และ R12 และผู้ประกอบการมีการเจรจาธุรกิจการค้าระหว่างกันประเภทธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม โลจิสติกส์ ค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมพลังงาน อาหารและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น มูลค่าการค้าขายระหว่างกันประมาณ 150 ล้านบาท รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจผ่านทาง line application “3C9P Business Group” นับเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น
ทั้งนี้ เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย ภาคการผลิตที่สำคัญ คือ การเกษตร อุตสาหกรรม การศึกษา การค้าส่งค้าปลีก มีสัดส่วนรวมกันกว่าร้อยละ 66 ของดัชนีมวลรวมของภาค สินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยางพารา โดยยางพาราราคาค่อนข้างดี เนื่องจากความต้องการของตลาดต่างประเทศมีมากขึ้น ส่วนอ้อยโรงงานระยะนี้มีผลผลิตลดลง ราคารับซื้อจากเกษตรกรจึงอยู่ในเกณฑ์ดี ด้านสินค้ามันสำปะหลังมีหัวมันสดออกสู่ตลาดแล้วประมาณร้อยละ 80-85 ราคาหัวมันสดที่เชื้อแป้ง 25 % กิโลกรัมละ 1.35-1.95 บาท สำหรับสินค้าข้าวในช่วงที่มีสินค้าออกสู่ตลาดมาก สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือดำเนินโครงการ “ตลาดข้าวประชารัฐ” โดยให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกให้กับบริษัทประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจชุมชน) เพื่อนำไปสีจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรงสามารถช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น จังหวัดมหาสารคามรณรงค์ให้ “คนสารคาม กินข้าวหอมสารคาม” สามารถกระตุ้นยอดขายในพื้นที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และตรวจสอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
“ความเป็นอยู่ของประชากรภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความสำคัญอย่างยิ่ง สามารถสะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในประเทศได้ เนื่องจากประชากร 1 ใน 3 ของประเทศอาศัยอยู่ในภาคนี้ เมื่อเศรษฐกิจอีสานกระเตื้องขึ้นย่อมส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง” นางอภิรดี กล่าว.-สำนักข่าวไทย