รร.ดุสิตฯ 22 เม.ย. – ไทย-รัสเซียประสบความสำเร็จยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ลดอุปสรรค ส่งเสริมการค้าและการลงทุน เพิ่มมูลค่าการค้า 5 เท่า ภายใน 5 ปี พร้อมสนใจลงทุนในพื้นที EEC
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Sub-Commission on Trade and Economic Cooperation) ระดับรัฐมนตรีระหว่างไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 3 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยและนายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจรัสเซียเข้าร่วมในการประชุม เพื่อให้แผนงานตามกรอบหลังจากผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายตั้งไว้ในโอกาสการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นรูปธรรมความร่วมมือกันต่อไป
ทั้งนี้ ไทยและรัสเซียเห็นพ้องกันว่าจะต้องเร่งขยายการค้าและการลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 ตามที่ผู้นำตั้งเป้าไว้ผ่านการดำเนินงานต่าง ๆ เช่น เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์และประมงของไทยที่จะส่งออกไปรัสเซียให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพิ่มการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยไทยมีแผนจะจัดคณะนักธุรกิจเยือนกรุงมอสโกเดือนมิถุนายน 2560 และเมืองวลาดิวอสต็อกเดือนกันยายน 2560 เพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือวลาดิวอสต็อก ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญและมีศักยภาพของรัสเซียกับท่าเรือแหลมฉบังของไทย ตลอดจนเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางการเงินในการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่าง 2 ประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ไทยยังใช้โอกาสนี้เสนอที่จะสนับสนุนนโยบายความมั่นคงทางอาหารของรัสเซีย โดยไทยพร้อมส่งออกสินค้าอาหารและเกษตร เช่น ข้าว น้ำตาล อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ ผักและผลไม้แปรรูปให้รัสเซีย ตลอดจนพร้อมส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ เครื่องประดับยนต์ ยางรถยนต์และยางธรรมชาติเพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นของรัสเซียในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ของกลุ่มประเทศ Commonwealth of Independent State (CIS) รวมทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังบรรยายสรุปและเชิญชวนให้นักธุรกิจของรัสเซียมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทยที่มุ่งสร้างให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ทันสมัยของอาเซียน โดยไทยจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขต EEC ดังกล่าว อาทิ ทางถนน ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ แผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และแผนการพัฒนาเมืองใหม่ พร้อมทั้งมีมาตรการดึงดูดการลงทุนที่รัฐบาลพร้อมให้สิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง จึงได้เชิญชวนรัสเซียเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะสาขาที่รัสเซียมีความเชี่ยวชาญ อาทิ อุตสาหกรรมดิจิทัลด้านซอฟแวร์ อากาศยาน เครื่องจักร เทคโนโลยีชีวภาพ วิทยาศาสตร์ขั้นสูง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่จะพัฒนา พร้อมทั้งเน้นย้ำจุดแข็งของไทยที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ใจกลางภูมิภาคอาเซียน และเป็นประตูไปสู่ประเทศในอาเซียนและเอเชีย ซึ่งรัสเซียสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าและเป็นแหล่งวัตถุดิบ นอกจากนี้ ไทยยังเชิญชวนนักธุรกิจรัสเซียเข้ามาลงทุนในโครงการ Rubber City อีกด้วย ในการนี้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือพัฒนาความร่วมมือด้านการลงทุนใน EEC ในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาร่วมกัน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังหารือแนวทางพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และโลจิสติกส์ รวมถึงการเริ่มกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเริ่มการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union :EAEU) ประกอบด้วย สมาชิก 5 ประเทศ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณอาร์เมเนียและสาธารณรัฐคีร์กีซมีประชากรกว่า 180 ล้านคน มูลค่าจีดีพีถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน โดยปี 2560 ยังเป็นปีครบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ปัจจุบันรัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 33 ของไทยแต่เป็นคู่ค้าอันดับแรกในกลุ่มประเทศ CIS โดยรัสเซียเป็นตลาดขนาดใหญ่ของภูมิภาคด้วยประชากรกว่า 142 ล้านคน มั่งคั่งด้วยแหล่งพลังงาน (น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ) และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปี 2559 การค้าไทย-รัสเซียมีมูลค่า 1,964 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปรัสเซีย ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋อง เป็นต้น ขณะที่สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้า ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เหล็กและผลิตภัณฑ์ ถ่านหิน เป็นต้น
ทั้ั้งนี้ รัสเซียแสดงความสนใจเข้าลงทุนในพื้นที่ EEC โดยประกาศจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับไทย เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง.-สำนักข่าวไทย