ยโสธร 11 เม.ย.-วันนี้จะพาไปชมวิสาหกิจชุมชนเกษตรยั่งยืนน้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ซึ่งผลิตข้าวอินทรีย์ ส่งออกไกลถึงยุโรป สร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ปีละหลายล้านบาท โดย บสย.เข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อ ทำให้ธุรกิจคล่องตัว
ทุ่งกุลาร้องไห้ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดของประเทศ แต่ปัญหาราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ชาวนาใน จ.ยโสธร จึงปรับตัวเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้มากขึ้น
เกษตรกรในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกษตรยั่งยืนน้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร รวมตัวกันกว่า 930 ครัวเรือน ในการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ โดยไม่ใช้สารเคมี บนพื้นที่รวมกว่า 18,000 ไร่ ซึ่งในแต่ละปีจะได้ผลผลิตเกือบ 1 ตัน/ไร่
วิถีเกษตรอินทรีย์ช่วยพลิกฟื้นผืนดินและได้ผลผลิตดีจนสามารถสร้างแบรนด์ “ข้าวขวัญน้ำอ้อม” ที่มีพันธุ์ข้าวให้เลือกหลากหลาย ทั้งข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวกล้องหอมแดง และข้าวกล้องหอมนิล ได้รับการคัดสรรเป็นโอท็อป 4 ดาว จ.ยโสธร นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล ลูกค้าของข้าวขวัญน้ำอ้อมจะเน้นขายตลาดต่างประเทศ ถึงร้อยละ 70 ตลาดหลัก คือ อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม แต่ละปีมียอดขายกว่า 3,000 ตัน สร้างรายได้ให้กลุ่มกว่า 74 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้วิสาหกิจชุมชนนี้เข้มแข็ง คือ การมีโรงสีข้าวของตัวเอง สามารถสีได้วันละ 20 ตัน โดยใช้บริการสินเชื่อของ ธ.ก.ส. ในโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ช่วยค้ำประกัน นำมาซื้อเครื่องยิงสีทำความสะอาดข้าวสารให้ได้มาตรฐานส่งออก และนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนส่วนหนึ่ง
“ข้าวขวัญน้ำอ้อม” ได้ต่อยอดพัฒนาระบบ QR Code มาใช้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบสินค้าได้ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูป จนถึงมือผู้บริโภค นอกจากนี้ยังเริ่มปลูกแตงโมอินทรีย์ ส่งขายห้างสรรพสินค้าในเมืองกรุงแล้วด้วย.-สำนักข่าวไทย
ชม BIZTIME คลิปเต็มรายการ ► https://tna.mcot.net/view/58ec5924e3f8e4ce4c20d059