ยูเครน

อัลมาตี 9 ส.ค.- รัสเซียเตรียมส่งดาวเทียมของอิหร่านเข้าสู่วงโคจรในอวกาศในวันนี้ ขณะที่อิหร่านปัดกระแสวิตกเรื่องรัสเซียอาจใช้ดาวเทียมอิหร่านในการทำสงครามยูเครนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดาวเทียมคัยยาม (Khayyam) มีกำหนดทะยานขึ้นจากศูนย์ปล่อยอวกาศยานไบโคนูร์คอสโมโดรนในคาซัคสถานในเวลา 05:52 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 12:52 น.วันนี้ตามเวลาในไทย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเดินทางไปพบอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านที่กรุงเตะหรานเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองตะวันตกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัสเซียมีแผนการนำดาวเทียมของอิหร่านไปช่วยทำสงครามกับยูเครนหลายเดือน แล้วจึงจะให้อิหร่านเข้ามาควบคุมดาวเทียม แต่สำนักงานอวกาศอิหร่านแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิหร่านจะควบคุมดาวเทียมดวงนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่วงโคจร จะไม่มีประเทศอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ส่งมาจากดาวเทียมดวงนี้ได้เพราะใช้ระบบเข้ารหัส ดาวเทียมคัยยามจะทำหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์บริเวณพรมแดนอิหร่าน ส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตร ติดตามทรัพยากรน้ำและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดาวเทียมดวงนี้ตั้งตามชื่อของโอมาร์ คัยยาม ซึ่งเป็นกวี นักปราชญ์ นักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และแพทย์ชาวเปอร์เซียที่มีชีวิตอยู่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 11 ไม่ใช่ดาวเทียมดวงแรกของอิหร่าน เพราะอิหร่านเคยส่งดาวเทียมซีนา-1 (Sina-1) ขึ้นจากศูนย์ปล่อยอวกาศยานเปลเซตสก์ของรัสเซียในปี 2548 และส่งดาวเทียมทหารเข้าสู่วงโคจรในเดือนเมษายน 2563.-สำนักข่าวไทย 

โตเกียว 8 ส.ค.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็นขอให้ผู้ตรวจสอบสากลได้เข้าไปตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนที่ถูกระดมยิงถล่มช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากยูเครนและรัสเซียต่างโทษว่าเป็นฝีมืออีกฝ่าย นายกูเตอร์เรสแถลงข่าวที่ญี่ปุ่นในวันนี้ หลังจากเมื่อวันเสาร์ไปร่วมงานรำลึกครบรอบ 77 ปีที่สหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกที่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถือเป็นการฆ่าตัวตาย ยูเอ็นขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ (IAEA) ต้องการเข้าไปตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียเพื่อทำให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ก่อนหน้านี้นายราฟาเอล มารีอาโน ผู้อำนวยการไอเออีเอเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากเรื่องภัยพิบัตินิวเคลียร์ ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียอ้างผู้ว่าการแคว้นซาปอริชเชียในยูเครนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียยังคงทำงานตามปกติ ทางการแคว้นนี้อ้างว่า ยูเครนใช้เครื่องยิงจรวดทำลายอาคารบริหารและสถานที่เก็บวัสดุของโรงไฟฟ้า ขณะที่สถานทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตันของสหรัฐอ้างว่า ยูเครนยิงถูกสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 2 สาย และท่อน้ำประปาเสียหาย แต่โครงสร้างสำคัญไม่เสียหาย รัสเซียยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังจากเปิดฉากรุกรานยูเครนในปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังคงให้บุคลากรยูเครนเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ยูเครนกล่าวโทษรัสเซียว่า ยิงถล่มในพื้นที่โรงไฟฟ้าอีกครั้งในวันเสาร์หลังจากยิงไปเมื่อวันศุกร์ ทำให้ตัวตรวจจับการแผ่รังสีเสียหาย 3 เครื่อง และมีคนงานบาดเจ็บ 1 คน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวหารัสเซียเมื่อวานนี้ว่า กำลังทำสงครามนิวเคลียร์ที่สมควรถูกนานาชาติคว่ำบาตรมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

อิสตันบูล 8 ส.ค.- เรือขนธัญพืชอีก 2 ลำล่องออกจากท่าเรือริมทะเลดำของยูเครนในวันนี้ ทำให้มีเรือขนธัญพืชออกจากยูเครนรวม 10 ลำแล้ว นับจากเรือลำแรกล่องออกจากท่าเรือเมื่อสัปดาห์ก่อน สหประชาชาติหรือยูเอ็นและตุรกีเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อตกลงยูเครน-รัสเซียเมื่อเดือนก่อนเรื่องเปิดทางให้แก่การส่งออกธัญพืชของยูเครน โดยเตือนว่าการส่งออกที่ระงับไปเพราะสงครามยูเครนอาจทำให้เกิดภาวะอาหารขาดแคลนรุนแรง และอาจถึงขั้นทำให้บางพื้นที่ของโลกเข้าสู่ภาวะอดอยาก กระทรวงกลาโหมตุรกีแถลงวันนี้ว่า เรือซาคูรา (Sacura) ลำเลียงถั่วเหลือง 11,000 ตันออกจากท่าเรือปิฟเดนนีใกล้เมืองโอเดสซาของยูเครนกำลังมุ่งหน้าไปอิตาลี ส่วนเรือแอริโซนา (Arizona) ลำเลียงข้าวโพด 48,458 ตัน ออกจากท่าเรือเมืองชอร์โนมอร์สก์ของยูเครนกำลังมุ่งหน้ามาทางใต้ของตุรกี การส่งออกธัญพืชของยูเครนได้รับการดูแลโดยศูนย์ประสานงานร่วมในนครอิสตันบูลของตุรกี โดยมีบุคลากรของตุรกี ยูเอ็น ยูเครนและรัสเซียทำงานร่วมกัน ยูเครนเผยว่า การเปิดใช้ท่าเรือปิฟเดนนีอีกครั้งจะช่วยให้ยูเครนส่งออกธัญพืชได้รวมสูงสุดเดือนละ 3 ล้านตัน ทั้งนี้ช่วงก่อนเกิดสงคราม ยูเครนส่งออกธัญพืชมากถึงเดือนละ 6 ล้านตันจากท่าเรือริมทะเลดำและทะเลอาซอฟ ขณะที่ยูเครนและรัสเซียส่งออกข้าวสาลีรวมกันเกือบ 1 ใน 3 ของทั้งโลก.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 8 ส.ค.- นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ย้ำในวันนี้เรื่องการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพราะความเสี่ยงเรื่องการเผชิญหน้าทางนิวเคลียร์ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่โลกลืมไปหลายทศวรรษ นายกูเตอร์เรสกล่าวที่สโมสรสื่อแห่งชาติญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว ย้ำข้อเรียกร้องให้ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ยึดมั่นต่อหลักการเรื่องไม่เป็นฝ่ายใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน และไม่มีวันใช้หรือขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ด้วยการเปิดเผยอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่อย่างโปร่งใส เขากล่าวยกย่องญี่ปุ่นที่มีบทบาทส่งเสริมสันติภาพและการปลดอาวุธนิวเคลียร์ บทบาทนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น และความเสี่ยงเผชิญหน้าทางนิวเคลียร์ได้กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากที่โลกลืมไปหลายทศวรรษ ซึ่งหมายถึงเรื่องที่รัสเซียขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์หลังจากทำสงครามรุกรานยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เลขาธิการยูเอ็นได้ไปร่วมงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตที่สวนสันติภาพฮิโรชิมาของญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ เนื่องในวันครบรอบ 77 ปีที่สหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกที่เมืองฮิโรชิมาในวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ทำลายทั้งเมืองและคร่าชีวิตคนประมาณ 140,000 คน จากนั้นทิ้งลูกที่ 2 ในวันที่ 9 สิงหาคม คร่าชีวิตคนไปอีก 70,000 คน ทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 สิงหาคม.-สำนักข่าวไทย

กองทัพรัสเซียอ้างทำลายฐานยิงปืนใหญ่ในเขตซาโปรอสเย ทางตะวันออกของยูเครน รวมถึงทำลายอาวุธ โดรน และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง เป็นจำนวนมาก

ฮ่องกง 4 ส.ค.- ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนต้องการสนทนาโดยตรงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อขอให้ช่วยยุติสงครามกับรัสเซียที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีเซเลนสกีให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ในฮ่องกงผ่านแอปพลิเคชันซูมเป็นเวลา 40 นาที ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อเอเชียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดสงครามว่า จีนเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลมาก สามารถมีอิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย นอกจากนี้จีนยังเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วย เขาจึงอยากสนทนาโดยตรงกับประธานาธิบดีสี หลังจากที่เคยสนทนากัน 1 ครั้งเมื่อหนึ่งปีก่อน เพราะยูเครนได้แจ้งอย่างเป็นทางการกับจีนแล้วตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานครั้งใหญ่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ยังไม่มีโอกาสจนถึงขณะนี้ทั้งที่น่าจะเป็นประโยชน์ ผู้นำยูเครนกล่าวว่า ประธานาธิบดีสีเป็นผู้นำเพียงไม่กี่คนที่เคยเยือนยูเครนอย่างน้อย 1 ครั้ง เขาเข้าใจดีว่า จีนต้องการคงความเป็นกลางต่อสงคราม แต่ขอย้ำว่าสงครามนี้เกิดขึ้นจากการที่รัสเซียรุกรานดินแดนของยูเครนทั้งที่ยูเครนไม่ได้ยั่วยุ จึงอยากให้จีนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อรัสเซีย เขาเชื่อว่า จีนและยูเครนมีค่านิยมร่วมกัน เช่น การรักครอบครัวและลูกหลาน เขามั่นใจว่า จีนสามารถใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจกดดันให้รัสเซียยุติสงครามได้ เพราะหากจีนจำกัดการค้ากับรัสเซีย รัสเซียก็จะถูกโดดเดี่ยว พร้อมกับย้ำเรื่องสงครามส่งผลระยะยาวต่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานโลก ซึ่งจะกระทบต่อสินค้าส่งออกของจีนอย่างแน่นอน เพราะประเทศต่าง ๆ ต้องนำเงินไปจ่ายค่าอาหารและพลังงานที่แพงขึ้น ยูเครนและจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 30 ปีเมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลของสถานทูตยูเครนในจีนระบุว่า จีนเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของยูเครนเมื่อปี 2564 โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเกือบ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 685,520 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย