มั่นใจปัญหา ส.ป.ก.เขาใหญ่ 2 เดือนจบ

“สุทิน” เผยชี้ขาดพื้นที่ ส.ป.ก.เขาใหญ่ใน 2 เดือน เชื่อ ONE MAP จะไม่เป็นปัญหา เพราะมีทุกหน่วยงานเป็นกรรมการ เตือน “พิธา” ลงพื้นที่หนองวัวซอ สนใจปัญหาชาวบ้านเป็นเรื่องดี แต่อย่าให้ข้อมูลผิด

“พิธา” จับมือ สส.ศุภปกรณ์ เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินชาวพิษณุโลก

25 ก.พ. – “พิธา” จับมือ สส.ศุภปกรณ์ เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ชี้แต่ละหน่วยงานรัฐถือแผนที่คนละฉบับ-ทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยของประชาชน แนะให้อำนาจท้องถิ่นตัดสินใจ ลดปัญหาคอขวดจากส่วนกลาง

ที่วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกลเปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินประชาชน มีตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ และประชาชน มาร่วมสะท้อนปัญหาเป็นจำนวนมาก

นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สส.พิษณุโลก เขต 5 (อ.ชาติตระการ นครไทย และวัดโบสถ์) พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า เขต 5 มีพื้นที่รวม 5,132 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นเขตเลือกตั้งที่ใหญ่มาก พื้นที่เท่ากับ จ.ราชบุรี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการเป็นพื้นที่ถูกห้ามพัฒนา เพราะอยู่ในเขตพื้นที่ป่า ทำให้การพัฒนาสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน การชลประทานเพื่อบริการประชาชนเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนฯ ทำให้มีเอกสารสิทธิในที่ดินของตนเองเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในระยะสั้นข้อแรกตนจะนำปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนไปฝากให้ทางคณะกรรมาธิการที่ดินฯ ของสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

ข้อ 2 เราพบว่าหน่วยงานราชการต่างๆ ถือแผนที่คนละฉบับกัน ทำให้ที่ดินเกิดการทับซ้อนกัน เช่น ในหลายพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ แต่ในความเป็นจริงแล้วคือป่าสงวนฯ ที่มีลักษณะเสื่อมโทรม มีประชาชนและชุมชนเข้าไปอาศัยอยู่แล้ว โดยตามตัวเลขที่ กมธ.ที่ดินฯ ได้มาเชื่อว่ามีแนวเขตตามกฎหมายป่าสงวนฯ ที่ดูแลโดยกรมป่าไม้ 60 กว่าล้านไร่ คงสภาพป่า 40 กว่าล้านไร่ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เป็นที่ทำกินราษฎร และไม่มีสภาพเป็นป่าแล้วประมาณ 21 ล้านไร่

ดังนั้น เราจะผลักดันให้หน่วยงานท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า และน้ำประปา หรือไม่ แทนที่จะเป็นอธิบดีกรมหรือรัฐมนตรีประจำกระทรวงที่นั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อลดปัญหาการติดขัดคอขวดในการตัดสินใจ

นายพิธา กล่าวต่อว่า ในระยะกลางเราพบว่ารัฐถือครองที่ดินทั่วประเทศมหาศาล แต่ขณะเดียวกันในรัฐบาลคณะรัฐประหารยังมีนโยบายทวงคืนผืนป่าจากประชาชน ทำให้ประชาชนมีที่ดินน้อยลงอีก แม้ว่ารัฐจะยังใช้ที่ดินของตนเองไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น เราจึงเสนอให้รัฐนำที่ดินที่ตนถืออยู่แล้วมาบริหารจัดการใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คงพื้นที่และฟื้นฟูป่าจากพื้นที่ที่ตนเองถือ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศประมาณ 12 ล้านไร่ เป็นของกองทัพไปแล้วครึ่งหนึ่ง หรือรวมพื้นที่แล้วเทียบเท่าพิษณุโลกทั้งจังหวัด

ส่วนในระยะยาว พรรคก้าวไกลมีแผนจะปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินทั้งระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามความคืบหน้าในการทำงานของพรรคก้าวไกลและสภาผู้แทนราษฎรเร็วๆ นี้

ภายหลังเสร็จเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับและให้กำลังใจพิธาและพรรคก้าวไกลที่ตลาดเทศบาลวัดโบสถ์ โดยพิธากล่าวขอบคุณสำหรับกำลังใจ พร้อมทิ้งท้ายว่าขอให้ร่วมยืนเคียงข้างก้าวไกลและเดินไปด้วยกัน “ก้าวไกลไม่ทิ้งประชาชน ประชาชนไม่ทิ้งก้าวไกล”.-312-สำนักข่าวไทย

ป.ป.ช.รับสอบจริยธรรม “พิธา-สส.ก้าวไกล”

“ธีรยุทธ” นำสำเนาคำวินิจฉัย “พิธา-44 สส.ก้าวไกลล้มล้างการปกครองของศาลรัฐธรรมนูญยื่นป.ป.ช. เร่งเอาผิดจริยธรรม เผยทราบว่าปธ.ป.ป.ช.รับเรื่องแล้ว จะเร่งตั้งคกก.ไต่สวนโดยเร็ว

โฆษก รทสช. อัด “พิธา” หยุดใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่ปม “ตะวัน”

โฆษกรวมไทยสร้างชาติ อัด “พิธา” หยุดใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่ปม “ตะวัน” ชี้ ก่อกวนขบวนเสด็จเป็นการกระทำผิดกฎหมายและย่ำยีหัวใจคนไทย ไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นไหน

สั่งจำคุก 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี “ธนาธร-พิธา” กับพวก คดีแฟลชม็อบ

ศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ปรับ 11,200 บาท “ธนาธร-พิธา” กับพวก รวม 8 คน คดีแฟลชม็อบ เมื่อปี 62 แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

“ธนาธร-พิธา” และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ฟังคำพิพากษาคดีแฟลชม็อบ

“ธนาธร-พิธา” และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ฟังคำพิพากษาคดีแฟลชม๊อบ ด้าน “ชัยธวัช” ลั่นสิทธิทางการเมืองของพลเมืองเป็นหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย

ประกาศชัดหวังให้ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต

“สนธิญา” ยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรม 44 สส.ก้าวไกล”  ลงชื่อแก้ ม.112 ยันจะตามติดรวบรวมหลักฐาน ถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรม ชี้นิรโทษกรรมนักโทษม.112 นับเป็นการแก้ไขด้วย ประกาศเป้าหมายชัดหวังให้ถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต

ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 44 สส.ก้าวไกล

“ธีรยุทธ” ยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรม 44 สส.พรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ล้มล้างการปกครอง มองปลดนโยบาย ม.112 ออกจากเว็บพรรคเป็นเรื่องดี

“พิธา” ยัน พรรคร่วมฝ่ายค้านทำหน้าที่แซ่บนัวถึงพริกถึงขิง

“พิธา” ยืนยัน พรรคร่วมฝ่ายค้านทำหน้าที่แซ่บนัวถึงพริกถึงขิงแน่นอน เหมือนต้มยำปลาทู ด้าน”เฉลิมชัย” ให้รอดูหลังสื่อถามจะมีใครทิ้งพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ “ชัยธวัช” แซวบอกพิธา ทำท่ามินิฮาร์ทไม่ได้ เจอย้อน ไออุ่นที่คุ้นเคย

ชื่นมื่น! พรรคร่วมฝ่ายค้านดินเนอร์กระชับความสัมพันธ์

ชื่นมื่น! พรรคร่วมฝ่ายค้านนัดดินเนอร์ครั้งแรก กระชับความสัมพันธ์ ร้านเส่ย จัดเมนูเด็ด “ต้มยำปลาทู-ปลาทูทอด” ด้าน “ชัยธวัช” แซว “พิธา” ชอบกินต้มส้ม

สานต่อภารกิจร้องกกต.-ป.ป.ช.ฟันก้าวไกล

สานต่อภารกิจร้องกกต.-ป.ป.ช.ฟันก้าวไกล
สำนักงานกกต. 1 ก.พ.-“ธีรยุทธ” ร้องกกต.ส่งศาล รธน.ยุบก้าวไกล บอกคำวินิจฉัยผูกพันเพราะเป็นคนร้องตั้งแต่แรก ไม่หวั่นสร้างขัดแย้ง พรุ่งนี้ไปป.ป.ช.ต่อ จี้ฟันจริยธรรม “พิธา-44 สส.” ยื่นแก้ม.112
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครอง มายื่นคำร้องต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และกกต.เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการกับพรรคก้าวไกล ตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวานนี้(31 ม.ค.)
นายธีรยุทธ กล่าวว่า จากการศึกษารายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองคือ นายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคำวินิจฉัยนี้มีผลผูกพันกกต.ด้วย เนื่องจากตนเป็นคนหลักที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าว จึงมองว่าเป็นเรื่องผูกพันที่ตนจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามสิทธิที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ จึงได้ทำคำร้องเพื่อนำเสนอต่อกกต.พร้อมเอกสารกว่า 100 หน้ามายื่นกกต.เพื่อบังคับกับพรรคก้าวไกลให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกลเอง
“ให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่า ด้วยพรรคการเมือง 2562 มาตรา 92 วรรค 1 ซึ่งบัญญัติว่าเมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง โดย ( 1 ) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นตนเห็นว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลพิจารณาสั่งยุคพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2562 มาตรา 92 วรรค 1” นายธีรยุทธ กล่าว
เมื่อถามถึงจุดประสงค์ที่ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดเส้นทางให้ยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลหรือเพียงต้องการให้ยุติการกระทำ นายธีรยุทธ กล่าวว่า เบื้องต้นที่ยื่นคำร้องต่อศาล คิดว่าขอให้ศาลเมตตาพิจารณาสั่งการเพื่อให้หยุดการกระทำเหล่านั้น แต่เนื่องด้วยหลายปัจจัย อีกทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนอ่านคำวินิจฉัยของศาลอย่างละเอียด เห็นว่าเมื่อศาลได้โปรดพิจารณาวินิจฉัยให้แล้ว ขณะที่ตนเองอยู่ในฐานะผู้ร้อง เห็นว่า มีความผูกพันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นโดยตรง จึงต้องดำเนินการตามกระบวนการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย จึงทำหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ผู้ใดทราบเหตุให้ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง วันนี้จึงมายื่นต่อกกต.
เมื่อถามย้ำว่าหากอนาคตกกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคก้าวไกล กังวลหรือไม่ว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง นายธีรยุทธ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวานนี้(31 ม.ค.) เป็นการวางบรรทัดฐานการเมืองการปกครองของประเทศ เมื่อพรรคก้าวไกลหรือสมาชิกพรรคหรือผู้สนับสนุน หรือผู้นิยมชื่นชอบพรรคก้าวไกล อยู่ในฐานะที่ต้องปฏิบัติและยึดถือบรรทัดฐานการเมืองการปกครองของไทย ซึ่งแม้ว่าจะเกิดขึ้นจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าหลักการนี้ปรากฏอยู่ในข้อบังคับของพรรคก้าวไกลด้วยอยู่แล้ว การจะมีผลกระทบหรือจะกระทบกระทั่งกันอย่างไร เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลที่คนนั้นควรจะพิจารณาระลึกถึง
ส่วนที่นักวิชาการบางคนมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้ทั้งในและนอกสภาฯ นายธีรยุทธ กล่าวว่า แสดงว่านักวิชาการท่านนั้นไม่ได้อ่าน หรือไม่ได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียด อาจจะฟังแบบผิวเผิน ได้แต่บอกว่าขอให้กลับไปฟังให้หลาย ๆ รอบ เพราะบรรทัดสุดท้ายห้วงก่อนจะจบ ศาลบอกว่าไม่ได้ปิดประตู แต่การจะแก้ไขต้องเป็นไปตามครรลองนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งคำว่านิติบัญญัติโดยชอบคือต้องเป็นฉันทามติ
“แต่คนที่คิดจะแก้ไขมาตรา 112 ศาลท่านก็วินิจฉัยชัดเจนอยู่ว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอย่างอื่นมีนัยสำคัญ ซึ่งประชาชนโดยทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบ ผมคิดว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นครูบาอาจารย์ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญหลักนิติ อีกทั้งก่อนจะทำคำวินิจฉัยเช่นนี้ ทราบจากเนื้อหาคำวินิจฉัยว่าได้ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของผมถึง 62 ครั้ง ซึ่งถือว่าจำนวนมาก แสดงว่าศาลพิจารณาโดยละเอียด รอบด้าน มีข้อมูลจากหลายหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรมหรือศาลยุติธรรมก็ส่งเข้ามา ศาลท่านหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยละเอียด” นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ กล่าวว่า พรุ่งนี้ (2 ก.พ. ) เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบและเอาผิดจริยธรรมของพรรคก้าวไกล และสส.พรรคก้าวไกล 44 คนที่ร่วมเสนอชื่อแก้ไขกฎหมาย 112 รวมถึงนายพิธาด้วย เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เชื่อว่าผลจะออกมาเหมือนกับกรณีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ใช้เวลาพิจารณาไม่นาน.-314.-สำนักข่าวไทย

1 3 4 5 6 7 43
...