ฝนตกหนัก

กาฐมาณฑุ 2 ต.ค.- เจ้าหน้าที่กู้ภัยในเนปาลเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่ประสบภัยจากน้ำท่วมและดินถล่มจากฝนตกหนักเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เนปาลมีฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วันเมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลจากพายุในอ่าวเบงกอล เป็นฝนตกหนักที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงและดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงกาฐมาณฑุที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยท่ามกลางความเสียหายอย่างหนักที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนประชาชนและถนนหนทาง รัฐบาลเนปาลแจ้งเมื่อวานนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 224 คน รับบาดเจ็บ 158 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 24 คน โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 16 แห่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ลดลง มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลถูกตำหนิอย่างหนักที่รับมือล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุดินถล่มมีคนเสียชีวิต 30 กว่าคน และทำให้ยวดยานจำนวนมากติดค้างอยู่หลายชั่วโมง ทั้งที่จุดดังกล่าวอยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

มะนิลา 1 ต.ค.- สำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์แจ้งว่า ไต้ฝุ่นกระท้อน (Krathon) ได้ทวีกำลังขึ้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นแล้วในเช้าวันนี้ ทำให้มีฝนตกหนักและลมพัดแรงทางตอนเหนือของประเทศ คลิปที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บันทึกไว้เมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นลมพัดแรงและฝนตกหนักกระหน่ำเทศบาลบาสโก จังหวัดบาตาเนส สำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์โพสต์แถลงการณ์ในเฟซบุ๊กว่า ไต้ฝุ่นกระท้อนที่ฟิลิปปินส์เรียกว่า จูเลียน (Julian) มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกสูงสุด 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะอยู่ห่างจากเทศบาลบาสโกไปทางตะวันตก 80 กิโลเมตร เมื่อเวลา 15.00 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ข้อมูลในเว็บไซต์แอคคิวเวเธอร์แจ้งสถานะปัจจุบันของไต้ฝุ่นกระท้อนว่า เป็นไต้ฝุ่นรุนแรง อยู่ห่างจากกรุงไทเปของไต้หวัน 467 กิโลเมตร มีความลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกสูงสุด 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.-814.-สำนักข่าวไทย

กาฐมาณฑุ 30 ก.ย.- ชาวบ้านในเมืองหลวงของเนปาลเริ่มตรวจสอบความเสียหายและเก็บกู้ทรัพย์สินจากน้ำท่วมและดินถล่มครั้งใหญ่จากการที่ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน  ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศพุ่งเป็นอย่างน้อย 151 ราย สูญหาย 56 คน สถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ของเนปาล รวมทั้งกรุงกาฐมาณฑุ จากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา สภาพอากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อวานนี้ เอื้อต่อการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามค้นหาสัญญาณชีพของผู้อาจรอดชีวิตตามซากความเสียหายจากภัยพิบัติ ขณะที่รัฐบาลเนปาลประกาศปิดโรงเรียน 3 วัน หลายพื้นที่ของกรุงกาฐมาณฑุวัดปริมาณฝนตกหนักถึง 322.2 มิลลิเมตร ทำให้แม่น้ำบัคมาติ แม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงเนปาล และแม่น้ำอื่น ๆ มีระดับน้ำเพิ่มสูงจนเกินขีดอันตราย เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ใกล้แม่น้ำบวกกับมีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากยิ่งขึ้นพร้อมก่อความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง โครงสร้างพื้นฐาน ถนนและสะพานถูกน้ำท่วม (อ่านเพิ่มเติม https://tna.mcot.net/world-1426394) อย่างไรก็ดี หลายพื้นที่รวมทั้งในกรุงกาฐมาณฑุ  ฝนเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทำให้ชาวบ้านเริ่มออกมาตรวจสอบความเสียหายของทรัพย์สินในบ้านเรือนและสินค้าในอาคารร้านค้า รวมทั้งช่วยกันทำความสะอาด เก็บกวาดดินโคลน รื้อเศษซากกิ่งไม้และอื่นๆ ออกจากอาคารบ้านเรือน  สภาพบ้านเมืองทั่วไปในเวลานี้เต็มไปด้วยเศษซากความเสียหาย อันเป็นภารกิจหนักอึ้งของช่วงการฟื้นฟูจากน้ำท่วมที่ชาวเนปาลในพื้นที่ประสบภัยกำลังเผชิญ.-815(814).-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่รวมทั้งกรุงกาฐมาณฑุ นครหลวงของเนปาล เจ้าหน้าที่แถลงยอดผู้เสียชีวิตวันนี้ เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 100 คน สูญหายอีกหลายคน

พายุดีเปรสชันเขตร้อน (Tropical Depression) “เฮลีน” ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงเป็นบริเวณกว้างในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น

จาการ์ตา 27 ก.ย.- เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน จากเหตุเหมืองทองคำเถื่อนพังถล่มในจังหวัดสุมาตราตะวันตก หลังจากเกิดดินถล่มเพราะฝนตกหนัก หัวหน้าสำนักงานภัยพิบัติจังหวัดสุมาตราตะวันตกเผยว่า เหมืองทองคำเถื่อนพังถล่ม หลังจากเกิดดินถล่มเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี อันเป็นผลจากฝนตกหนัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงในการเดินลัดเลาะไปจนถึงจุดเกิดเหตุ เนื่องจากไม่มีถนนเข้าถึง ผู้ประสบเหตุเป็นชาวบ้านที่เข้าไปขุดหาทองคำอย่างผิดกฎหมาย คาดว่าช่วงเกิดเหตุมีคนอยู่ในเหมืองประมาณ 25 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 15 คน ได้รับบาดเจ็บ 3 คน และยังหาตัวไม่พบ 7 คน การทำเหมืองเถื่อนขนาดเล็กเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในอินโดนีเซียบ่อยครั้ง ทางการยากจะควบคุมได้ทั่วถึง เนื่องจากทรัพยากรที่เป็นแร่ธาตุมักอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและยากแก่การเข้าถึง.-814.สำนักข่าวไทย

โตเกียว 26 ก.ย. – ยอดผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มเพราะฝนตกหนักในจังหวัดอิชิกาวะ ทางภาคกลางของญี่ปุ่น เพิ่มเป็น 11 คนแล้ว บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า ผู้เสียชีวิต 2 รายล่าสุดเป็นชาย พบศพบริเวณชายฝั่งของเมืองวาจิมะเมื่อบ่ายวานนี้  หลังจากในช่วงเช้าวันเดียวกันพบศพสตรีคนหนึ่งใกล้แม่น้ำในเมืองเดียวกัน สถานการณ์น้ำท่วมดินถล่มในจังหวัดอิชิกาวะเกิดจากฝนตกหนักเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้แม่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมในหลายพื้นที่ โดยที่เมืองวาจิมะมีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 9 คน และที่เมืองซูซุอีก 2 คน ข้อมูลของจังหวัดอิชิกาวะระบุว่ายังมีผู้สูญหายอีก 2 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน และมีผู้ที่ยังติดต่อไม่ได้อีกจำนวนหนึ่ง.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ไทเป 25 ก.ย. – สำนักงานควบคุมโรคของไต้หวันพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยในการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดอยู่ที่ 6 ราย และมีผู้ป่วยสะสมในท้องถิ่น 172 คนนับตั้งแต่ต้นปีนี้ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า สำนักงานควบคุมโรคของไต้หวันแจ้งว่า ผู้ป่วย 2 รายล่าสุดที่ได้รับการยืนยันเป็นผู้ชายอายุ 20 ปีเศษ และผู้หญิงอายุ 70 ปีเศษ ทั้งคู่อาศัยอยู่ในเมืองนิวไทเป เริ่มแสดงอาการ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ท้องเสีย และอาเจียนระหว่างวันที่ 19-20 กันยายน โดยมีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงสูงที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า การแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออกครั้งล่าสุดเกิดขึ้นครั้งแรกบริเวณตอนเหนือของเกาะไต้หวัน และผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทั้ง 6 รายล้วนมีประวัติการดำเนินกิจกรรมในเมืองนิวไทเป ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมของเกาะไต้หวันเตือนว่า เหตุฝนตกหนักเมื่อไม่นานนี้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง และในช่วงสัปดาห์หลังจากฝนตกหนักคือช่วงเวลาสำคัญในการป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยเมื่อนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 23 กันยายน ไต้หวันพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในท้องถิ่นแล้ว 172 ราย และพบผู้ป่วยที่นำโรคเข้ามาจากภายนอกอีก 213 ราย ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ส่วนใหญ่มักส่งผลกระทบต่อผู้คนในภูมิภาคเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน […]

โตเกียว 25 ก.ย.- ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมดินถล่มเพราะฝนตกหนักทางตอนกลางของญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 9 คน และยังมีผู้ติดค้างในพื้นที่ต่าง ๆ เกือบ 400 คน   สถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มหลังฝนตกหนักในจังหวัดอิชิกาวะในภูมิภาคชูบุ ที่อยู่ทางตอนกลางของญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จนถึงขณะนี้ยังมีชุมชนอีก 46 แห่งในเมืองวาจิมะ เมืองซูซุ  และเมืองโนโตะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ทางการท้องถิ่นแถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพเพิ่มเป็น 9 คนในเช้าวันนี้ เป็นสตรีในเมืองวาจิมะ นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอยู่ 2 คน ติดต่อไม่ได้อยู่ 6 คน และมีผู้ประสบภัยอย่างน้อย 367 คนที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่   ขณะที่บ้านเรือน ร้านค้าอีกกว่า 5,200 หลังยังไม่มีน้ำประปาใช้เนื่องจากมีปัญหาไฟฟ้าดับและท่อประปาแตกชำรุด.-816(814).-สำนักข่าวไทย