อดีตนายกฯ ปากีสถานชวนคนประท้วงทั่วประเทศ

ละฮอร์ 14 พ.ค.- นายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานเรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วงเรียกร้องเสรีภาพทั่วประเทศในวันนี้ หลังจากที่เขาถูกจับกุมและควบคุมตัวเป็นเวลาสั้น ๆ เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงรุนแรง นายข่าน อดีตนักคริกเกตดาวดัง วัย 70 ปี กล่าวทางช่องยูทูบเมื่อคืนวันเสาร์จากบ้านพักที่เมืองละฮอร์ว่า เสรีภาพไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ ทุกคนต้องฉวยเอาไว้และต้องเสียสละเพื่อให้ได้มา ขอให้ผู้สนับสนุนจัดการประท้วงในพื้นที่ของตนเองทั่วประเทศในวันนี้ และเขาจะกลับไปรณรงค์เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งโดยทันทีอีกครั้งในวันพุธนี้ ตามที่ได้รณรงค์มาตลอดหลายเดือน อย่างไรก็ดี นายข่านซึ่งเคยบอกกับสื่อว่า มีนายทหารอยู่เบื้องหลังการจับกุมเขายืนยันว่า พรรคพีทีไอ (PTI) ของเขาไม่เกี่ยวข้องกับการทำลายทรัพย์สินของกองทัพ และขอให้เปิดการสอบสวนอิสระในเรื่องนี้ ด้านกองทัพเตือนนายข่านในวันเดียวกันว่า อย่าพยายามทำให้คนเข้าใจผิดกองทัพ กองทัพปากีสถานปกครองประเทศโดยตรงเป็นครั้งคราวตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศเมื่อ 75 ปีก่อน และยังคงมีอิทธิพลในแวดวงการเมือง นายข่านถูกฟ้องร้องหลายคดีนับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งเพราะถูกลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อเดือนเมษายน 2565 เขาถูกจับกุมเมื่อวันอังคาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากถูกตำหนิเรื่องอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงพัวพันกับความพยายามลอบสังหารเขาเมื่อปี 2565 ต่อมาได้รับการประกันตัวเมื่อวันศุกร์ ตามที่ศาลฎีกาชี้ว่าการควบคุมตัวเขาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขณะที่ผู้สนับสนุนเขาแสดงความไม่พอใจด้วยการวางเพลิงอาคารที่ทำการรัฐบาล ปิดถนน และทำลายทรัพย์สินของกองทัพที่พวกเขาโทษว่าบงการการโค่นล้มนายข่าน มีคนเสียชีวิตจากการประท้วงอย่างน้อย 9 คน ตำรวจหลายร้อยนายบาดเจ็บและมีคนถุกจับกุมมากว่า 4,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในแคว้นปัญจาบที่อยู่ทางตะวันออกและแคว้นไคเบอร์ปักตุนควาที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ปากีสถานส่งทหารเข้าเมืองหลวงหลังเกิดจลาจล

อิสลามาบัด 11 พ.ค. – ปากีสถานส่งทหารเข้าไปประจำการในกรุงอิสลามาบัดในวันนี้ หลังจากผู้สนับสนุนนายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อเหตุจลาจลตั้งแต่ที่เขาถูกจับกุมเมื่อวันอังคาร นายข่าน วัย 70 ปี ถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 8 วัน ในข้อหาทุจริตรับสินบน ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคพีทีไอ (PTI) ของเขาไม่พอใจและเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในหลายเมือง รวมทั้งเคลื่อนขบวนไปยังกองบัญชาการของกองทัพ เพราะเชื่อว่ากองทัพอยู่เบื้องหลังการโค่นล้มเขาจากตำแหน่งเมื่อปี 2565 ตำรวจกรุงอิสลามาบัดแจ้งในเช้าวันนี้ว่า ได้ควบคุมตัวแกนนำพรรคพีทีไออย่างน้อย 7 คน โทษฐานบงการการประท้วง และว่าทหารได้เข้ามาประจำการในเขตอ่อนไหวที่เป็นที่ตั้งที่ทำการรัฐบาลแล้ว หลังจากรัฐบาลอนุมัติเมื่อวานนี้ให้ส่งทหารไปประจำการในแคว้นปัญจาบที่อยู่ทางตะวันออกและแคว้นไคเบอร์ปักตุนควา ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกรุงอิสลามาบัด ที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 แคว้นนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย นายข่านถูกจับกุมไม่กี่ชั่วโมง หลังจากกองทัพปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขาที่ว่ามีนายทหารพัวพันกับแผนลอบสังหารเขา กองทัพระบุว่า กำลังใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด คนกลุ่มหนึ่งที่กระหายอำนาจได้ทำในสิ่งที่ศัตรูของปากีสถานไม่สามารถทำได้มาตลอด 75 ปีที่ปากีสถานเป็นเอกราช กองทัพจะเอาจริงกับผู้ทำลายสถานที่ของรัฐและกองทัพ โดยที่กลุ่มที่ต้องการทำให้ปากีสถานเข้าสู่สงครามกลางเมืองจะต้องรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ด้านนายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในปากีสถานงดใช้ความรุนแรง ตำรวจและโรงพยาบาลในปากีสถานเผยว่า มีคนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 คน จากเหตุที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง มีตำรวจบาดเจ็บหลายร้อยนาย […]

กลุ่มสิทธิอ้างทหารเมียนมาใช้ “ระเบิดสุญญากาศ” ถล่มหมู่บ้าน

ฮิวแมนไรท์วอทช์อ้างว่า กองทัพเมียนมาใช้ระเบิดสุญญากาศในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อเดือนเมษายน ที่มีข่าวว่ามีคนเสียชีวิตราว 170 คน จึงเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม

ประชุมสุดยอดอาเซียนจะเน้นเรื่องเมียนมา

ลาบวน บาโจ 9 พ.ค.- การประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่อินโดนีเซียในสัปดาห์นี้จะเน้นเรื่องเมียนมาเป็นหลัก หลังจากมีข่าวกองทัพเมียนมาสังหารคนในหมู่บ้านกว่าร้อยคน และเกิดเหตุโจมตีขบวนรถนักการทูตอาเซียน การประชุมสุดยอดอาเซียน 9-11 พฤษภาคมจะมีขึ้นที่เมืองลาบวน บาโจ บนเกาะฟลอเรส รัฐมนตรีต่างประเทศและผู้นำอาเซียนจะเดินหน้าความพยายามทำให้เกิดการปฏิบัติตามแผนฉันทามติ 5 ประการที่อาเซียนและเมียนมาเห็นพ้องกันตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เนื่องจากความพยายามทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาเจรจากับฝ่ายต่อต้านเพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่กองทัพรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง อาเซียนเผชิญกระแสเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น หลังจากกองทัพเมียนมาใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏชาติพันธุ์เมื่อเดือนเมษายน มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 170 คน ล่าสุดเกิดเหตุขบวนรถนักการทูตและเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านบรรเทาทุกข์ในเมียนมาถูกโจมตีในรัฐฉาน ทางตะวันออกของเมียนมาเมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานว่ามีนักการทูตอินโดนีเซียและสิงคโปร์รวมอยู่ในขบวนนี้ด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นชี้ญี่ปุ่นควรคว่ำบาตรเมียนมา

โตเกียว 28 เม.ย.- ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ชี้ว่า ญี่ปุ่นควรคว่ำบาตรเมียนมาเช่นเดียวกับที่คว่ำบาตรรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครน และได้ประณามเมียนมาว่าป่าเถื่อนและกดขี่ประชาชน นายโทมัส แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมียนมากล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังจากเสร็จสิ้นการตระเวนพบกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาน่ากลัวและเลวร้ายลง ขอเรียกร้องให้ญี่ปุ่นพิจารณาเรื่องร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างเจาะจงกับกองทัพเมียนมาและแหล่งรายได้หลักของเมียนมา ดังที่ญี่ปุ่นกำลังใช้กับรัสเซียในวิกฤตยูเครน เพราะการคว่ำบาตรจะทำให้รัฐบาลทหารเมียนมาถูกลดทอดศักยภาพในการทำร้ายประชาชน ญี่ปุ่นได้ระงับโครงการความช่วยเหลือโครงการใหม่ ๆ หลังจากกองทัพเมียนมารัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลนางออง ซาน ซู จี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่ไม่มีผลต่อโครงการที่ยังดำเนินอยู่ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงเมื่อเดือนกันยายน 2565 ว่า ได้ยุติการรับสมัครคนเข้าโครงการฝึกฝนทหารเมียนมาแล้ว แต่นายแอนดรูว์สได้ขอให้ญี่ปุ่นยุติโครงการโดยทันที ไม่เช่นนั้นกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะถูกโยงกับระบอบทหารที่โหดร้าย เพราะทหารเมียนมาที่รับการฝึกสู้รบและเรียนรู้การเป็นทหารและผู้บังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพจะกลับไปรับใช้กองทัพที่ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นฯ ขอให้ญี่ปุ่นนำงบประมาณสำหรับโครงการช่วยเหลือโครงการใหม่ ๆ ที่ถูกระงับไปแล้ว ไปใช้สนับสนุนโครงการปันส่วนอาหารให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในบังกลาเทศราว 1 ล้านคน ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ส่วนใหญ่อพยพมาหลังจากกองทัพเมียนมายกกำลังไปปราบปรามในปี 2560 โครงการปันส่วนอาหารถูกตัดลดงบประมาณไปแล้วร้อยละ 17 ในเดือนมีนาคม และกำลังจะถูกลดลงอีกร้อยละ 20 ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก ๆ […]

ทหารสหรัฐอพยพคนออกจากสถานทูตในซูดาน

วอชิงตัน 23 เม.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเผยว่า กองทัพสหรัฐได้อพยพคนออกจากสถานทูตสหรัฐในกรุงคาร์ทูมของซูดานแล้ว และเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ “ที่ไร้เหตุผล” ในกรุงคาร์ทูมระหว่างกองทัพกับกองกำลังกึ่งทหารของซูดาน ประธานาธิบดีไบเดนแถลงเมื่อเย็นวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐว่า เขาได้สั่งการในวันเสาร์ให้กองทัพสหรัฐปฏิบัติการนำบุคลากรของรัฐบาลสหรัฐออกจากกรุงคาร์ทูม และขณะนี้สถานทูตสหรัฐได้ระงับทำการเป็นการชั่วคราว เขามีความภาคภูมิใจในตัวเจ้าหน้าที่สถานทูตที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเป็นมืออาชีพ เสริมสร้างมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างชาวอเมริกันกับประชาชนชาวซูดาน ผู้นำสหรัฐยังเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและไร้เงื่อนไข เปิดทางให้แก่การเข้าถึงด้านมนุษยธรรม และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนชาวซูดาน ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า ได้สั่งการให้อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและครอบครัวออกจากซูดาน เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่ร้ายแรงและเพิ่มขึ้น สหรัฐขอย้ำเตือนทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กันให้ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมสากล ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองพลเรือน และขอเรียกร้องให้ขยายข้อตกลงหยุดยิงให้นอกเหนือไปจากช่วงตรุษอีดิลฟิตริด้วย นายทหารสหรัฐนายหนึ่งเผยว่า ปฏิบัติการอพยพคนออกจากสถานทูตสหรัฐในกรุงคาร์ทูมมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเพียง 100 นายเศษ ใช้เฮลิคอปเตอร์ซีเอช-47 ชีนุกจำนวน 3 ลำบินจากจิบูตีไปยังเอธิโอเปียแล้วต่อไปยังซูดาน โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีอพยพคนจากภาคพื้นดิน นายจอห์น เบส ปลัดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐเผยว่า มีคนได้รับอพยพไม่ถึง 100 คน ซึ่งมีนักการทูตต่างชาติรวมอยู่ด้วย และไม่น่าจะมีการอพยพชาวอเมริกันครั้งใหม่ในเร็ววันนี้ ปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนกองหนุนเคลื่อนที่เร็วหรืออาร์เอสเอฟ (RSF) ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารที่กำลังสู้รบกับกองทัพซูดานประสานงานเพียงว่าจะไม่ยิงทหารสหรัฐเท่านั้น ก่อนหน้านี้อาร์เอสเอฟเผยว่า ได้ประสานกับกองกำลังสหรัฐที่ประกอบด้วยเครื่องบิน 6 ลำเรื่องอพยพนักการทูตและครอบครัวออกจากซูดานในเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นส่งเครื่องบินทหารอีก 2 ลำไปอพยพคนออกจากซูดาน

โตเกียว 22 เม.ย.- กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแจ้งวันนี้ว่า ได้ส่งเครื่องบินทหารอีก 2 ลำไปยังจิบูตี ประเทศในแอฟริกาตะวันออก เพื่อเตรียมพร้อมอพยพพลเมืองออกจากซูดานที่กำลังมีการสู้รบระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่ขัดแย้งกัน เว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่นรายงานว่า เครื่องบินลำเลียงซี-2 (C-2) และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศเคซี-767 (KC-767) จะไปสมทบกับเครื่องบินลำเลียงซี-130 (C-130) ที่เดินทางออกจากญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ไปเตรียมพร้อมที่จิบูตี ที่ซึ่งกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นมีฐานทัพอยู่แล้วเพื่อปฏิบัติภารกิจปราบปรามโจรสลัดในอ่าวเอเดน กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ตั้งทีมเฉพาะกิจประกอบด้วยบุคลากร 370 นายจากกองกำลังป้องกันตนเองทางบกและกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศขึ้นดำเนินการเรื่องอพยพคนออกจากซูดาน ข้อมูลจนถึงวันพุธระบุว่า มีชาวญี่ปุ่นอยู่ในซูดานทั้งหมด 63 คน.-สำนักข่าวไทย

เครื่องบินทหารเกาหลีใต้ไปอพยพคนออกจากซูดานแล้ว

โซล 22 เม.ย.- กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แจ้งว่า เครื่องบินของกองทัพได้ออกเดินทางแล้วเมื่อวันศุกร์เพื่ออพยพพลเรือนเกาหลีใต้ออกจากซูดาน เนื่องจากการสู้รบกันระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่ขัดแย้งกันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า เครื่องบินลำเลียงซี-130เจ (C-130J) นำเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและบุคลากรทางการแพทย์รวมประมาณ 50 คน เดินทางออกจากกรุงโซลเมื่อเวลา 16:53 น.วันศุกร์ตามเวลาเกาหลีใต้ มุ่งหน้าไปยังจิบูตี ประเทศในแอฟริกาตะวันออก เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติคาร์ทูมของซูดานปิดทำการอยู่ กระทรวงกลาโหมแถลงว่า เครื่องบินลำเลียงและบุคลากรของเกาหลีใต้จะเตรียมพร้อมที่ฐานทัพสหรัฐในจิบูตีและเฝ้าติดตามสถานการณ์ โดยมีภารกิจสำคัญอันดับแรกคือ สนับสนุนการอพยพคนออกจากซูดาน ข้อมูลจนถึงวันอังคารระบุว่า มีชาวเกาหลีใต้อยู่ในซูดาน 25 คน นายปัก จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับเชคอับดุลลาห์ บิน ไซเอ็ด อัล นาห์ยาน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หารือเรื่องความร่วมมือในการดำเนินการแผนอพยพคนในซูดาน และเห็นพ้องเรื่องแบ่งปันข้อมูลและความช่วยเหลืออื่น ๆ เพื่อช่วยให้เกาหลีใต้อพยพพลเมืองออกจากซูดานไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันประธานาธิบดียุน ซอก-ยอลได้สั่งการให้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองชาวเกาหลีใต้ในซูดาน รวมถึงการส่งเครื่องบินทหารไปอพยพ ขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ยกระดับเตือนภัยการเดินทางไปซูดานเป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เนื่องจากการสู้รบที่ปะทุขึ้นเมื่อวันสาร์ที่แล้วระหว่างกองทัพกับกองหนุนเคลื่อนที่เร็วที่เป็นกองกำลังกึ่งทหารทำให้มีคนล้มตายแล้วราว 200 คน.-สำนักข่าวไทย

กองทัพสหรัฐพร้อมอพยพคนออกจากสถานทูตในซูดาน

ฐานทัพอากาศรัมชไตน์ 22 เม.ย.- กองทัพสหรัฐเตรียมพร้อมอพยพคนออกจากสถานทูตสหรัฐในซูดานในระหว่างที่รัฐบาลกำลังพิจารณาว่า จะอพยพคนออกจากกรุงคาร์ทูมของซูดานที่สถานการณ์มีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นหรือไม่ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐแถลงข่าวที่ฐานทัพอากาศรัมชไตน์ ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า กองทัพได้ส่งกำลังพลบางส่วนเข้าไปในพื้นที่แล้วเพื่อสำรวจหลากหลายลู่ทางที่จะสามารถดำเนินการได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการใด ๆ เจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 คนคาดว่า จะมีการตัดสินใจเรื่องอพยพคนออกจากสถานทูตสหรัฐในเร็ว ๆ นี้ แต่ไม่แน่ชัดว่าจะมีการประกาศต่อสาธารณะหรือไม่ โฆษกความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้อนุมัติเมื่อไม่กี่วันก่อนให้เคลื่อนกำลังพลของสหรัฐที่อยู่ใกล้ซูดานในกรณีที่ต้องเข้าไปช่วยอพยพนักการทูตอเมริกัน แต่ไม่ได้ระบุว่าเคลื่อนกำลังพลไปยังประเทศใด ด้าน พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐได้หารือทางโทรศัพท์กับ พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์มาน ผู้บัญชาการกองทัพของซูดานเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ เรื่องความปลอดภัยของชาวอเมริกันในซูดาน ขณะนี้ท่าอากาศยานในกรุงคาร์ทูมตกอยู่ท่ามกลางการสู้รบกันระหว่างกองกำลังของ 2 นายพลที่มีความขัดแย้งกัน และน่านฟ้าไม่มีความปลอดภัย ทำให้หลายประเทศรวมถึงสหรัฐไม่สามารถอพยพคนออกจากสถานทูตได้ นักการทูตตะวันตกคนหนึ่งชี้ว่า สถานการณ์ในกรุงคาร์ทูมไม่เอื้อต่อการอพยพอย่างยิ่ง เนื่องจากการสู้รบเกิดขึ้นในเมืองหลวงซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานทูตและท่าอากาศยาน คาดว่าสหรัฐจะมุ่งหาทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงให้ได้ เพื่อเป็นโอกาสในการอพยพคน ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 1 คนเสียชีวิตจากการสู้รบในซูดาน.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำเม็กซิโกวิจารณ์สหรัฐเรื่องข่าวกรองรั่ว

เม็กซิโกซิตี 18 เม.ย.- ประธานาธิบดีเม็กซิโกเผยว่า เม็กซิโกจะไม่ยอมทนให้สหรัฐสอดแนมหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ หลังจากข่าวเรื่องข้อมูลข่าวกรองรั่วทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตของ 2 ประเทศเกิดความตึงเครียดครั้งใหม่ ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโกกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่ควรใช้การสอดแนมมาสืบหาว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของเม็กซิโกกำลังทำสิ่งใด และการนำข้อมูลไปปล่อยให้แก่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในสหรัฐยิ่งเป็นการกระทำที่โอหังอย่างยิ่ง ผู้นำเม็กซิโกหมายถึงเรื่องที่วอชิงตันโพสต์รายงานข่าวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยอ้างเอกสารลับของสหรัฐที่รั่วไหลว่า ความตึงเครียดระหว่างหน่วยงานในกองทัพเม็กซิโกมีแนวโน้มจะเลวร้ายลงอีก กองทัพสหรัฐประเมินว่า กองทัพเรือเม็กซิโกไม่พอใจที่ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์มีท่าทีจะให้กองทัพบกมีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น เช่น ควบคุมน่านฟ้าของประเทศทั้งหมด อย่างไรก็ดี วอชิงตันโพสต์ไม่ได้ระบุว่า ข้อมูลนี้ได้มาจากการดักฟังเจ้าหน้าที่เม็กซิโกหรือไม่ ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ วัย 69 ปี ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2561 รัฐบาลของเขาได้ปฏิรูปกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2564 มุ่งจำกัดปฏิบัติการของสายลับต่างชาติในเม็กซิโก หลังจากสหรัฐจับกุมผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเม็กซิโกในรัฐบาลชุดก่อนข้อหาค้ายาเสพติด.-สำนักข่าวไทย

ซูดาน สู้รบกันวันที่ 2 ตายแล้ว 27 คน เจ็บเกือบ 200 คน

ดุเดือด กองทัพซูดาน และหน่วยรบกึ่งทหาร (RSF) สู้รบกันเป็นวันที่ 2 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน รวมเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ 3 คน บาดเจ็บเกือบ 200 คน เครื่องบินโดยสารของซาอุฯ ถูกยิง ขณะรอขึ้นบินออกจากซูดาน

1 8 9 10 11 12 33
...