รอยเตอร์ชี้ “แพทองธาร” เผชิญความท้าทายหลายด้าน

ลอนดอน 18 ส.ค. – รอยเตอร์ชี้ว่า แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย เผชิญกับความท้าทายหลายด้านในช่วงที่เศรษฐกิจประเทศกำลังทรุดหนัก และพรรคเพื่อไทยมีความนิยมลดลง รอยเตอร์ซึ่งเป็นสื่อสากลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษรายงานข่าวนางสาวแพรทองธารรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในวันนี้ หลังจากได้รับการลงมติจากรัฐสภาเมื่อ 2 วันก่อนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รอยเตอร์ระบุว่า แพรทองธาร วัย 37 ปีเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นอกจากนี้เธอยังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของไทย ต่อจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นคนในตระกูลชินวัตรคนที่ 3 ที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามหลังนายทักษิณ ผู้เป็นบิดา และนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นอาหญิง ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้ารอยเตอร์ได้รายงานภาพนางสาวแพรทองธารและนายทักษิณเดินจับมือกันและเดินคู่กันตั้งแต่ลงจากรถมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทยเพื่อมารับสนองพระบรมราชโองการฯ พร้อมกับทักทายกองทัพสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ด้านหน้าอาคาร รอยเตอร์ระบุว่า การที่นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากประเทศไทยตกอยู่ในวังวนของการรัฐประหารและคำวินิจฉัยของศาลที่มีผลกับการเมือง ขณะเดียวกันก็เป็นการเดิมพันตำนานความสำเร็จและอนาคตทางการเมืองของตระกูลชินวัตรที่เคยได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ต้องพ่ายการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษในการเลือกตั้งปี 2566 อีกทั้งยังต้องหาทางทำข้อตกลงกับคู่อริเพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้.-814.-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ​เป็นนายกฯ ​คนที่ 31

“แพทองธาร ชินวัตร” เข้าพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทย ยืนยันนำพาประเทศไทยเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ลั่นจะรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะที่ครอบครัวชินวัตรร่ำไห้ด้วยความตื้นตัน

รอยเตอร์ถามความเห็นคน กทม. หลัง “เศรษฐา” พ้นตำแหน่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค.- รอยเตอร์สอบถามความเห็นของผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียงให้นายเศรษฐา ทวีสิน วัย 62 ปี พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ สตรีเจ้าของร้านหนังสือวัย 60 ปี กล่าวว่า เศรษฐกิจเวลานี้เงียบเหงามาก สัปดาห์ที่แล้วที่พรรคก้าวไกลถูกสั่งยุบพรรค เศรษฐกิจก็เงียบเหงา และเมื่อวานนี้ที่นายกรัฐมนตรีถูกสั่งพ้นจากตำแหน่ง เศรษฐกิจก็เงียบเหงา หากการเมืองยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอเชื่อว่าเศรษฐกิจประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ด้านสตรีเจ้าของแผงขายอาหารริมทางวัย 65 ปี ไม่รู้สึกกังวลกับการเมืองมากเท่าใดนัก เพราะในที่สุดแล้วก็จะมีคนมาดำรงตำแหน่งแทน และไม่รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะประเทศไทยก็เป็นแบบนี้ ขณะที่ชายขับรถจักรยานยนต์รับจ้างวัย 47 ปีมองว่า คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นอยู่กับรัฐสภาว่า จะเลือกใครและคิดจะทำอะไร เราเป็นเพียงประชาชนที่รอคำตอบจากคนข้างบนเท่านั้น รอยเตอร์ระบุว่า ประเทศไทยเกิด “ละครทางการเมือง” อีกครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี หลังนายเศรษฐาได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อพรรคเพื่อไทยได้กลับมาคุมอำนาจอีกครั้ง หลังจากที่เกิดภาวะทางตันในรัฐสภามาหลายสัปดาห์ พรรคเพื่อไทยจะประชุมในวันนี้เพื่อคัดเลือกผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายเศรษฐา และต้องเร่งหาเสียงสนับสนุนก่อนที่รัฐสภาจะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันศุกร์.-814.-สำนักข่าวไทย

หุ้นร่วง-บาทอ่อนค่า หลังนายกฯ ถูกถอดถอนพ้นตำแหน่ง

หุ้นไทยร่วงลงทันทีหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเมื่อเวลา 15.00 น. ร่วงลงประมาณ 15 จุด ลดลงอย่างต่อเนื่องจนลงมาระดับต่ำสุดที่ระดับ 1,282.62 จุด ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยช่วงบ่ายเคลื่อนไหวที่ 34.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากที่ช่วงเช้าแข็งค่าที่ 34.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ศาล รธน.วินิจฉัย “เศรษฐา” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

14 ส.ค. – มติศาลรัฐธรรมนูญ 5 ต่อ 4 ชี้ความเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เหตุไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) จากกรณีถูกกล่าวหากระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เนื่องจากนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ในคดีสินบนถุงขนม 2 ล้าน เมื่อปี 2551 ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยศาลฯ ให้เหตุผลว่า พิจารณาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตามคำปรารภที่ว่า รัฐธรรมนูญนี้วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เด็ดขาด เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม […]

ชาวญี่ปุ่นเห็นต่างกันเรื่องนายกฯ จะวางมือ

โตเกียว 14 ส.ค.- ชาวญี่ปุ่นมีความเห็นแตกต่างกัน หลังจากที่นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีประกาศไม่ลงเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาทำหน้าที่แทน ชาวญี่ปุ่นมีความเห็นแตกต่างกันไป บางคนรู้สึกเห็นใจและอยากให้นายคิชิดะทำหน้าที่ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อคลายความกดดัน บางคนรู้สึกประหลาดใจที่เขาตัดสินใจกะทันหันเช่นนี้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลมีข้อครหาทุจริตเกิดขึ้นมากมาย บางคนเชื่อว่า นายคิชิดะจำใจต้องตัดสินใจดังกล่าว เพราะความนิยมตกต่ำมากจนไม่อาจรักษาตำแหน่งหัวหน้าพรรคในการเลือกตั้งเดือนหน้าได้อยู่แล้ว และจะหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปด้วยอย่างแน่นอน พรรคแอลดีพีซึ่งเป็นพรรครัฐบาล จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคในเดือนกันยายน ผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าคนใหม่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่า หากนายกฯ ถูกถอดถอน

ค่าเงินบาทหลังจากเปิดตลาดเช้านี้ แข็งค่าหลุดระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ฯ ลงไปที่ 34.88 บาท/ดอลลาร์ฯ แข็งค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน ตลาดประเมิน บาทอาจอ่อนค่าลง หาก “เศรษฐา” นายกรัฐมนตรี ถูกถอดถอน

“คิชิดะ” ยืนยันจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกฯ ญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น กล่าววันนี้ว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนกันยายนนี้ หลังจากดำรงตำแหน่งมานาน 3 ปี เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ

นายกฯ ญี่ปุ่น จะลงจากตำแหน่งผู้นำพรรครัฐบาลเดือน ก.ย.

สื่อของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในเดือนกันยายนนี้

สหรัฐปัดเอี่ยวโค่นผู้นำบังกลาเทศ

วอชิงตัน 13 ส.ค.- รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่นายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในอินเดีย โฆษกทำเนียบขาวตอบคำถามของผู้สื่อข่าวกรณีมีข่าวลือหรือรายงานว่า สหรัฐมีส่วนร่วมในการขับไล่นางเชค ฮาซีนา อดีตนายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศที่ขณะลี้ภัยอยู่ในอินเดียว่า สหรัฐไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในบังกลาเทศแต่อย่างใด การกล่าวหาสหรัฐเป็นเรื่องที่ไม่จริง สหรัฐเชื่อมั่นว่าชาวบังกลาเทศจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของรัฐบาล และสหรัฐเองยึดมั่นในจุดยืนนี้ หนังสือพิมพ์อีโคโนมิคไทมส์ในอินเดียรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า นางฮาซีนากล่าวหาสหรัฐว่ามีส่วนร่วมในการโค่นล้มเธอออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสหรัฐต้องการเข้ามาควบคุมเกาะเซ็นต์มาร์ตินในอ่าวเบงกอล หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวอ้างว่า นางฮาซีนาเปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านมาทางคนสนิท แต่นายชาจีบ วาเจด บุตรชายของเธอโพสต์เอ็กซ์ในวันเดียวกันว่า มารดาไม่เคยพูดเรื่องนี้ เหตุการณ์ประท้วงในบังกลาเทศที่เกิดขึ้นมานานนับเดือนมีชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจของนักศึกษาที่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจัดสรรโควต้าเข้ารับราชการไว้สำหรับบุตรหลานของทหารผ่านศึกที่เคยร่วมรบในสงครามเรียกร้องเอกราชเมื่อปี 2514 นอกจากนี้ยังมีประชาชนร่วมผสมโรงจากความไม่พอใจเรื่องปัญหาปากท้อง ทำให้นางฮาซีนาไม่สามารถทนแรงกดดันได้อีกต่อไปจนต้องหนีไปลี้ภัยอยู่ในกรุงนิวเดลีของอินเดียเมื่อต้นเดือนนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 226
...