คาดคลื่นความร้อนทางใต้ของสหรัฐจะทุบสถิติ

วอชิงตัน 22 ก.ค.- คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมพื้นที่ทางใต้ของสหรัฐมีแนวโน้มจะต่อเนื่องไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ทำลายสถิติที่เคยมีมา สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐพยากรณ์ว่า ชาวอเมริกันราว 80 ล้านคนจะต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงกว่า 41 องศาเซลเซียสไปตลอดสุดสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาที่คาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 46.11 องศาเซลเซียส หลังจากมีอุณหภูมิสูงกว่า 43.33 องศาเซลเซียสมา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน นานที่สุดเท่าที่เคยมีมา อากาศร้อนจัดในเมืองนี้ทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรงที่ร้านจำหน่ายถังแก๊สโพรเพนแห่งหนึ่งใกล้ท่าอากาศยาน ทำให้ถังแก๊สกระเด็นลอยไปไกลถึง 500 เมตร ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวพากันเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติหุบเขามรณะที่อยู่ระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเนวาดา เพื่อถ่ายภาพตัวเองกับจอแสดงตัวเลขอุณหภูมิบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หลายคนผิดหวังที่ไม่ได้เห็นตัวเลขทุบสถิติโลก 134 องศาฟาเรนไฮต์ หรือราว 56.66 องศาเซลเซียสที่วัดได้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2456 นักอุตุนิยมวิทยาคาดว่า การวัดน่าจะมีความผิดพลาด สำนักอุทยานแห่งชาติแจ้งว่า มีชายวัย 71 ปีจากนครลอสแอนเจลิสเสียชีวิตเมื่อต้นสัปดาห์ หลังจากเป็นลมหน้าห้องสุขาบริเวณจุดเริ่มต้นทางขึ้นหุบเขา นับเป็นผู้เสียชีวิตในอุทยานเป็นรายที่ 2 ของปีด้วยสาเหตุที่เกี่ยวกับความร้อน.-สำนักข่าวไทย

ซีกโลกเหนือเสี่ยงร้อนทะลุสถิติ

โรม 17 ก.ค.- หลายประเทศในซีกโลกเหนือกำลังเผชิญกับอากาศร้อนจัดที่เสี่ยงจะทำลายสถิติ และทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น เนื่องจากผลจากภาวะโลกร้อนเริ่มปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น สำนักงานอวกาศยุโรปแจ้งว่า ยุโรปอาจมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ เพราะพยากรณ์ว่าเกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนียของอิตาลีจะมีอุณหภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียส นักบวชคนหนึ่งเผยที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรมว่า อากาศร้อนกว่าบ้านเกิดของเขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตคองโกที่อยู่ทางตอนกลางของทวีปแอฟริกาเสียอีก คาดว่าอุณหภูมิในกรุงโรมจะแตะ 40 องศาเซลเซียสในวันนี้ และจะแตะ 42-43 องศาเซลเซียสในวันอังคาร ลบสถิติ 40.5 องศาเซลเซียสเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 ส่วนที่ญี่ปุ่น ทางการต้องแจ้งเตือนประชาชนใน 20 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดให้ระวังฮีตสโตรกหรือโรคลมแดด กรุงโตเกียวและหลายพื้นที่มีอุณหถูมิใกล้แตะ 40 องศาเซลเซียส และอาจลบสถิติ 41.8 องศาเซลเซียสที่เคยวัดได้ที่เมืองคุมากายะ จังหวัดไซตามะเมื่อปี 2561 ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาสหรัฐแจ้งเตือนว่า คลื่นความร้อนกินวงกว้างในรัฐทางใต้และทางตะวันตกจะถึงจุดสูงสุด กระทบต่อประชาชนมากกว่า 80 ล้านคน หุบเขามรณะ (Death Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนียร้อนใกล้แตะสถิติ 52 องศาเซลเซียสเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ขณะที่พื้นที่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเกิดไฟป่าหลายจุด.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐยังถูกโดมความร้อนครอบต่อเนื่อง

นิวยอร์ก 16 ก.ค.- ชาวอเมริกันจำนวนมากเตรียมเผชิญกับอากาศร้อนขึ้นอีกในวันนี้ และอาจจะทุบสถิติ อันเป็นผลจากโดมความร้อนที่ปกคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศมาตลอดสัปดาห์ สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐเตือนว่า สุดสัปดาห์นี้อากาศจะร้อนจัดและอันตราย อุณหภูมิช่วงกลางวันในภูมิภาคตะวันตกสูงกว่าปกติ โดยเมื่อวันเสาร์วัดอุณหภูมิที่รัฐแคลิฟอร์เนียได้ 41-43 องศาเซลเซียส หุบเขามรณะ (Death Valley) ในรัฐนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ร้อนที่สุดของโลกวัดอุณหภูมิได้ 51 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะสูงถึง 54 องศาเซลเซียสในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐพยากรณ์ว่า อากาศร้อนจัดจะปกคลุมภูมิภาคตะวันตกตลอดสุดสัปดาห์นี้ จากนั้นภูมิภาคทางใต้จะเริ่มร้อนขึ้นภายในต้นสัปดาห์หน้า ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงกลางวัน และอย่าให้เกิดภาวะขาดน้ำที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐระบุว่า เมืองใหญ่ทั่วสหรัฐเกิดคลื่นความร้อนถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น โดยเกิดขึ้นเฉลี่ยปีละ 6 ครั้งในช่วงคริสต์ทศวรรษ 2010 ถึง 2020 เพิ่มขึ้นจากปีละ 2 ครั้งในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960.-สำนักข่าวไทย

หุบเขามรณะในสหรัฐอุณหภูมิพุ่ง 54 องศาเซลเซียส

แคลิฟอร์เนีย 12 ก.ค. – คลื่นความร้อนรุนแรงที่ปกคลุมฝั่งตะวันตกของสหรัฐทำให้อุณหภูมิที่หุบเขามรณะ หรือเดธวัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 54 องศาเซลเซียส และกลายเป็นสถานที่ที่ร้อนระอุที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก สำนักอุตุนิยมวิทยาสหรัฐ (NWS) เผยว่า บันทึกอุณหภูมิที่หุบเขามรณะได้สูงถึง 54 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ ซึ่งหากได้รับตรวจสอบก็จะกลายเป็นสถานที่ที่ร้อนระอุที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับคลื่นความร้อนสูงที่ปกคลุมหลายพื้นที่ของภูมิภาค และเตือนประชาชนว่าอุณหภูมิสูงอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงวัย ในขณะเดียวกัน เครื่องวัดอุณหภูมิที่ตั้งอยู่ด้านนอกศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวดังกล่าวบันทึกอุณหภูมิก่อนถึงเวลา 16.00 น. ในวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นได้สูงถึง 56.6 องศาเซลเซียส แม้เจ้าหน้าที่หน่วยงานอุทยานแห่งชาติระบุว่า เครื่องวัดอุณหภูมิมักวัดอุณหภูมิได้สูงกว่าที่ทางการรายงานก็ตาม คลื่นความร้อนรุนแรงที่ปกคลุมในหลายพื้นที่ของภูมิภาคแปซิฟิกนอร์ทเวสต์หรือตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ ยังส่งผลกระทบต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าและทำให้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่หลายแห่ง ไฟป่าบูตเลก (Bootleg Fire) ในพื้นที่ทางใต้ของรัฐออริกอนที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา เผาไหม้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฟรีมองต์-วิเนมาแล้วราว 364,000 ไร่จนถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ และเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าได้ ขณะนี้ไฟป่ายังคงลุกลามไปตามเครือข่ายสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่เชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าระหว่างรัฐออริกอนกับรัฐแคลิฟอร์เนีย จนทำให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองรัฐวิตกกังวลว่าอาจเกิดไฟดับที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและภาคธุรกิจจำนวนมาก. -สำนักข่าวไทย

...